Category ข่าววันนี้

ครบรอบ 2 ปีของ รัฐประหารพม่า

ครบรอบ 2 ปีของ รัฐประหารพม่า ปูทางเลือกตั้งเอื้อพรรคทหาร

วันพรุ่งนี้ 1 ก.พ. 2566 เป็นวาระครบรอบ 2 ปีของการก่อ รัฐประหารพม่า โดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย สถานการณ์ความเครียด, ปัญหาเศรษฐกิจ, การล่มสลายของประชาสังคม และการถูกประชาโลกโดดเดี่ยว ดูเหมือนจะเพิ่มความร้ายแรงมากขึ้นทุกเมื่อ ทุกสัญญาณบ่งบอกว่ากองทัพเมียนมาจัดแจงผนึกอำนาจต่อ และแม้จะอ้างว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วๆไป ในปีนี้ แต่ก็มีการ ออกกฎเลือกตั้งตัดจังหวะคู่แข่งโดยเฉพาะแกนการเมือง ที่นำโดยอองซานซูจี ที่วันนี้เปลี่ยนเป็นผู้ถูกศาลทหาร สั่งเข้าคุกในหลายคดี เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว

สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลทหารของเมียนมา ประกาศกฎเกณธ์กติกาการเลือกตั้งใหม่ สำหรับพรรคการเมืองที่จะลงเเข่ง ในสนามเลือกตั้งปีนี้ มีเนื้อหาที่เขียนเงื่อนไขกล่าวถึงคุณสมบัติของพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่เพิ่มเกณฑ์ให้ยาก และซับซ้อนมากขึ้น ชัดเจนว่า เพื่อเป็นการปูทางสำหรับหน้าที่ของกองทัพ เพื่อผูกขาดอำนาจทางการเมืองถัดไป

โดยให้การจัดแจงเลือกตั้งเป็นเพียงการจัดฉากให้ดูดีเพียงแค่นั้น พรุ่งนี้เมื่อสองปีก่อน กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารแล้วหลังจากนั้นก็ให้คำมั่นว่าจะจัดแจงเลือกตั้งในสิงหาคมปีนี้ ตามกฎกติกาชุดใหม่ ที่ประกาศผ่านสื่อของรัฐ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคการเมืองต่างๆ ที่ต้องการลงเเข่งเลือกตั้ง ในคราวนี้ ในระดับประเทศ จะต้องมีสมาชิกพรรค อย่างต่ำ 1 แสนคน มากขึ้นจากคุณสมบัติเดิม ที่กำหนดให้ควรมีสมาชิก 1 พันคนเท่านั้น

ปูทางเลือกตั้งเอื้อพรรคทหาร

นอกจากนี้ รัฐประหารพม่า พรรคที่ตรงเกณฑ์ใหม่ จึงควรแสดงความจำนงว่าจะลงเเข่งขันภายใน 60 วันจากนี้

หากช้ากว่านี้ก็จะถูกปลดออกจากระบบทะเบียน พรรคการเมือง แน่นอนว่าพรรคที่มีความพร้อมเพรียงที่สุดในยามนี้ ก็คือพรรคที่เป็นตัวเเทน ของทหารเมียนมา นั่นเป็น Union Solidarity and Development Party (USDP) ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก ที่เป็นอดีตนายพลของกองทัพ พรรคนี้พ่ายเลือกตั้งต่อพรรค National League for Democracy หรือ NLD ของนางอองซานซูจี ในปี 2005 และ 2020 อย่างสิ้นท่า

ก่อนกองทัพทำ รัฐประหาร โค่นรัฐบาลของซูจีในปี 2021 โดยอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งทั้งๆ ที่ฝ่ายทหารไม่เคยแสดงหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างนี้อย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด วันนี้ สมาชิกพรรค NLD หรือพรรคสันนิบาตแห่งชาติ เพื่อประชาธิปไตย ถูกจองจำ หรือถูกจับไปแล้วหลายพันคน ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีอีกปริมาณมากที่จะต้องหลบตัวเพื่อหนีการตามไล่ล่าของทหาร ที่ยิ่งวันยิ่งเพิ่มความร้ายแรง สำหรับเพื่อการปฏิบัติต่อผู้คัดค้าน การใช้อำนาจเผด็จการของกองทัพ

นักวิเคราะห์ที่ติดตามการเมืองพม่ามายาวนานตั้งข้อสังเกตว่ากฎใหม่ ที่ถูกพึ่งจะประกาศออกมานั้น ไม่ต้องสงสัยว่ามีเป้าหมาย เพื่อช่วยเหลือระบบการเมือง ที่ทหารสามารถมีบทบาทเข้าควบคุม ได้อย่างเต็มที่ มีปริศนาว่าตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา หากว่าผู้นำทหารพม่าจะถูกโดดเดี่ยว โดยนานาชาติ แต่ไฉนก็เลยยังสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ถึงเดี๋ยวนี้

ทำไมมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศต่างๆ จึงไม่เป็นผลทำให้มิน อ่อง หล่ายต้องยอมผ่อนผันมาตรการปราบปรามประชาชน อย่างหนักของตนเอง คำตอบเป็นผู้นำทหารพม่าคนนี้ พยายามคว้าจังหวะและช่องทางที่มีความปริแยกของประเทศใหญ่ๆ ในสังคมโลกเพื่อยังสามารถแทรกตัวให้ได้รับการช่วยเหลือจากประเทศที่อยู่คนละข้างกับประเทศตะวันตก

เดิมทีสหรัฐอเมริกา และยุโรปหวังว่าแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ และการทูตจะบีบให้กองทัพเมียนมายอมยอมแต่จำเป็นต้องเลิกใช้ขั้นตอนการเผด็จการ กับผู้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ผู้นำทหารพม่ากลับหาผลประโยชน์จากความแตกแยกทั้งโลก โดยยิ่งเข้ามากลุ่มประเทศ ที่มีมีความขัดแย้งกับประเทศตะวันตก

การเข้าจับกุมยาเสพติดในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า ลูกชายของ นายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหรูราคาเกือบ 30 ล้านบาท ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ผลการสืบสาวยังเจอ สมุดบัญชีเงินฝาก ของบุตรสาวนายพล ของสถาบันการเงินชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร ต่อเจ้าหน้าที่ทหารของเมียนมา และบริษัทในเครือด้านทหารหลังการยึดอำนาจ ในกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2021 อีกทั้งทรัพย์สินของลูกๆของมิน อ่อง หล่ายก็ถูกอายัดในสหรัฐอเมริกา

หลายประเทศลดระดับความเกี่ยวพันทางการทูตกับพม่า รวมถึงการไม่ส่งเอกอัครราชทูตไปประจำพม่า สถาบันป้องกันประเทศของญี่ปุ่นจะหยุดรับนายทหาร จากเมียนมาในปีงบประมาณใหม่นี้ กองทัพเมียนมาตอบโต้ว่า มาตรการต่างๆเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นการแทรกแซง กิจการภายในประเทศ แต่จีนและรัสเซียยังคบหาพม่าในระดับเดิม พม่ายังคงรักษาความเกี่ยวพันด้านเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับจีน และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆที่ไม่ใฝ่ใจตะวันตก

น่าเชื่อได้ว่า คนที่เกี่ยวข้องกับการทหารหลายคนก็คงถือสิทธิ์ทรัพย์สิน และเป็นเจ้าของธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านพม่าเหมือนกับลูกของ มิน อ่อง หล่าย เช่นเดียวกัน พม่ายังคงติดต่อค้าขายกับเพื่อนบ้าน บางกลุ่ม จีน ประเทศอินเดีย และไทยรวมกันมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของการค้าทั้งหมดของเมียนมา ในทางตรงกันข้าม ประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปมีสัดส่วนเพียง 14%

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเศรษฐกิจของเมียนมาวันนี้ ยังมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่รุ่งเรืองก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่าสินค้ามวลรวมภายในประเทศ ที่โดยความเป็นจริงของเมียนมาจะเติบโตมากกว่า 3% ในปีงบประมาณปีใหม่นี้ ถือว่าเป็นการฟื้นจากการยุบตัว 18% ในปีงบประมาณปี 2021

รัฐประหารพม่า

ก็ด้วยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจนี่แหละที่ทำให้กองทัพสามารถเริ่มเตรียมเลือกตั้งทั่วๆไปได้เร็วสุดในสิงหาคมนี้

โดยหวังว่าจะมอบอำนาจให้พรรคในเครือข่ายทหาร เพื่ออ้างความยุติธรรมกับสังคมโลกว่า ได้จัดให้การเลือกตั้ง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแล้ว นอกเหนือจากนั้น เมียนมายังกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย ซึ่งมีความขัดแย้งกับชาติตะวันตก ในเรื่องการทำศึกยูเครน พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย พบกับประธานาหัวหน้ารัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ในเดือนกันยายน เพื่อยืนยันความร่วมแรงร่วมใจทวิภาคี เมื่อเดือนธันวาคมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติมติทีแรก ที่เรียกร้องให้เมียนมาร์เป็นประชาธิปไตย แต่รัสเซีย จีน และอินเดียงดออกเสียง

สำหรับกองทัพเมียนมา การเป็นแถวร่วมกับรัสเซีย และจีนได้คุณประโยชน์อย่างหนึ่งตรงที่ไม่ไม่สบายใจเรื่องสิทธิมนุษยชนมาก พอๆกับสหรัฐฯ และยุโรป ทุกวันนี้ ออง ซาน ซูจี ยังถูกควบคุมตัวหลังการปฏิวัติ และถูกตัดสินติดตะรางรวม 33 ปีแล้วในหลายๆคดี กองทัพยังคงทรมาน และประหารชีวิตฝ่ายตรงข้าม สมาคมช่วยเหลือผู้ต้องขังการเมืองระบุว่า ข้าราชการ 2,827 คนถูกสังหารตั้งแต่การยึดอำนาจ ไม่แต่แค่นั้น กองทัพพม่ายังได้เดินหน้าโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มต่อต้านติดอาวุธ และเผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านสำหรับเพื่อการทำศึก บ้านเรือนมากกว่า 48,000 หลังถูกทำลายจนกระทั่งสิ้นเดือนธ.ค.

อาเซียนหรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ไม่สามารถที่จะจะกดดันให้กองทัพพม่า ยอมประพฤติตาม “ฉันทามติ 5 ข้อ” เพื่อให้อาเซียนช่วยสร้างสมานฉันท์ในประเทศนั้น ดูประหนึ่งว่ารัฐบาลทหาร ของเมียนมาจะมีความมั่นใจมากขึ้น เกี่ยวกับการกุมอำนาจรัฐของตัวเองด้วยซ้ำ

สำหรับการกล่าวรายงานเนื่องในวันเอกราชปีที่ 75 ของเมียนมาเมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา มิน อ่อง หล่ายประกาศจะรักษาความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับ เพื่อนบ้านอย่าง จีน ไทย และประเทศอินเดีย “ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความร่วมมือและข้อเสนอแนะขององค์กรระดับนานาชาติและระดับภูมิภาคและประเทศต่างๆ ท่ามกลางแรงกดดันและการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา” เขากล่าว ผมไม่แน่ใจว่าเราควรจะดีใจหรือกังวลที่เขากล่าวขอบคุณประเทศไทยด้วย?

เทคโนโลยี 2023 สำคัญ

เทคโนโลยี 2023 2023 ที่สำคัญ จาก MIT Technology Review

ในทุกๆปี MIT Technology Review จะเลือกเอา 10 เทคโนโลยี 2023 ที่สำคัญที่สุดแห่งปีมาอัปเดตให้กับพวกเราได้รู้ว่าเวลานี้โลกพัฒนาไปถึงไหนแล้ว มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ออกมาบ้าง หรือเทคโนโลยีใด ที่กำลังเป็นกระแส เนื่องด้วยความรุ่งเรืองของเทคโนโลยี ค่อนข้างจะที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อการใช้ชีวิต ของเรามากพอควร

เราจะต้องที่จะตามให้ทัน เพื่อดูว่ามีเทคโนโลยีใดบ้างที่เรา ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ได้มากที่สุด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องจนถึงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง MIT Technology Review ก็ได้ให้เหตุผลมาด้วยว่า เหตุใดเทคโนโลยีทั้งหมดนี้จึงสำคัญ

CRISPR ตัดต่อยีน เพื่อควบคุมคอเลสเตอรอล

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา CRISPR (คริสเปอร์) ซึ่งเป็น gene-editing tool ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากห้องแล็บสู่คลินิก โดยเริ่มมาจาก การใช้รักษาเชิงทดลองสำหรับข้อผิดพลาดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก แต่ ณ เวลานี้ CRISPR เริ่มเป็นที่แพร่หลายสู่การทดลองทางคลินิก สำหรับสภาวะทั่วไป จนกระทั่งถูกนำมาใช้รักษาโรค ที่พื้นฐานมากขึ้น อย่างเช่น การควบคุมสภาวะคอเลสเตอรอลสูง รูปแบบใหม่ของ CRISPR กำลังก้าวเดินต่อไป

AI ที่สร้างรูปภาพขึ้นมา

ในปีที่ผ่านมา AI ได้รุกคืบเข้าสู่วงการศิลป์อย่างเต็มกำลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลที่ตามมาก็คือเกิดดราม่าต่างๆนานา เกี่ยวกับผลงานศิลป์ที่ AI สร้างขึ้น และที่ยืนของนักแสดงที่เป็นมนุษย์ แต่ปีนี้จะเป็นอีกปี ของศิลปิน AI ซึ่งเป็นโมเดลซอฟต์แวร์ ที่พัฒนาโดย Google, OpenAI และบริษัทอื่นๆ สำหรับในการสร้างงานศิลปะสุดน่าทึ่งตามคำสั่งเพียงแค่ไม่กี่คำสั่ง กล่าวง่ายๆก็คือ เพียงคุณพิมพ์คำอธิบายสั้นๆว่า ต้องการรูปภาพแบบไหน คุณจะได้รูปภาพตามที่คุณขอ ด้านในเวลาไม่กี่วินาที ทำให้ “จะไม่มีอะไรเหมือนอีกต่อไป”

การออกแบบชิป (chip) ที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง

เนื่องด้วยอุตสาหกรรมชิปกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากที่ผ่านมา ผู้สร้างจะต้องซื้อลิขสิทธิ์สำหรับการผลิตไมโครชิป จากบริษัทขนาดใหญ่แค่ไม่กี่เจ้า แต่ในเวลานี้มี open standard ตัวใหม่ที่ชื่อว่า RISC-V เข้ามาทำให้วงการ ออกแบบชิปแปรไป ซึ่งทำให้ผู้สร้างไม่ต้องพึ่งพิง chip designers ที่มีเพียงแค่ไม่กี่เจ้า ในตลาดอีกต่อไป ทุกคนสร้างชิปได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีบริษัท startup เป็นปริมาณมากที่กำลังตรวจความเป็นไปได้สำหรับการสร้างชิปขึ้นมาเอง

โดรนที่ใช้ทางการทหารในตลาดทั่วๆไป

เดิมที โดรนทางการทหารที่กองทัพใช้นั้นเป็นสิ่งที่ประเทศเล็กๆไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากมีราคาแพง และข้อบังคับควบคุมการส่งออก ที่เคร่งครัด แต่ความเจริญรุ่งเรืองของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารที่พัฒนาขึ้นมา ทำให้หลายบริษัท สามารถสร้างโดรนทำศึกที่มีความซับซ้อนได้ในราคาที่ถูกลงมามาก อย่าง Bayraktar TB2 ของตุรเคีย และโดรนราคาถูกอื่นๆ ได้เปลี่ยนแปลงธรรมชาติ ของการศึกโดรนเสียแล้ว

รถ EV ที่มาแรง

เทรนด์ เทคโนโลยี มาแรงปี2023

การจ่ายยาทำแท้ง ผ่านระบบแพทย์ระยะไกล (telemedicine)

เนื่องจากศาลฎีกาอเมริกาได้วิเคราะห์ว่า เมืองต่างๆ สามารถบัญญัติกฎหมายต้านการทำแท้งได้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 ทำให้กระบวนการทำแท้ง ไม่ใช่สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในอเมริกาอีกต่อไป หลายรัฐในอเมริกาแบนคลินิกทำแท้ง ผู้หญิงปริมาณมาก ไม่สามารถเข้าถึงการทำแท้งได้ ผู้ที่ต้องการทำแท้งก็เลยจำต้อง “หาแพทย์” ผ่านวิดีโอคอล ฉะนั้น ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ และบริษัท startup จึงหันมาใช้ telehealth เพื่อสั่งจ่ายยาและจัดส่งยาข้ามรัฐเพื่อช่วยให้ผู้คนทำแท้ง ได้อย่างปลอดภัยที่บ้าน

อวัยวะตามสั่ง

ในวันแล้ววันเล่า จะมีผู้ป่วยเฉลี่ย 17 คนภายในสหรัฐอเมริกาท่จะต้องเสียชีวิตลงะหว่างรอการปลูกถ่ายอวัยวะ เพราะว่าไม่มีอวัยวะให้เปลี่ยน แต่คนเหล่านี้บางทีอาจจะรอด รวมทั้งคนอื่นก็จะได้รับความให้การช่วยเหลือจากเทคโนโลยีตอนนี้ ที่ทำให้มีอวัยวะที่แข็งแรงคอยให้เปลี่ยน ซึ่งมันอาจมีอยู่อย่าง ไม่จำกัดด้วย เนื่องจากว่านักวิทยาศาสตร์ สามารถปลูกถ่ายอวัยวะจากหมูที่ได้รับการตัดต่อกรรมพันธุ์ รวมถึงการสร้างปอดด้วย 3D-printing โดยใช้เซลล์ของผู้ป่วยเองเป็นหมึกพิมพ์

รถ EV ที่มาแรงจนขวางไม่ได้

ในที่สุด รถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็กลายเป็นตัวเลือกให้กับโลกใบนี้เสียที ทุกวันนี้ รถ EV ได้รับความนิยมชมชอบแพร่หลาย มากขึ้น เหตุเพราะแบตเตอรี่รถมีราคาที่ถูกลง และรัฐบาลในหลายประเทศ ได้ผ่านกฎการปลดปล่อยมลพิษ บัญญัติกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น ในเรื่องของการควบคุมรถที่ใช้น้ำมัน ส่วนผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่หลายรายก็ได้ออกมาให้คำมั่น ประกาศออกสื่อว่าจะมุ่งผลิตรถยนต์กระแสไฟฟ้าทั้งหมด และเร็วนี้ๆนี้ คนซื้อทุกหนทุกแห่ง ก็จะมีเหตุผลในด้านที่ดีๆมากมาย สำหรับในการเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากกว่าที่จะปฏิเสธ

MIT Technology Review

เทคโนโลยี 2023 ใช้ในการทำการศึกษา

กล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb

กล้องส่องทางไกลอวกาศ James Webb ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อสืบทอดภารกิจของกล้องกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble สำหรับในการสำรวจเอกภพ มันถูกส่งออกไปถ่ายรูปในอวกาศเมื่อปลายปี 2021 อย่างไรก็ดี ภาพจักรวาลอันไกลมากที่ถ่ายได้โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวนี้นั้นน่าทึ่งตะลึงงันมาก และมันก็ส่งภาพลักษณะนี้กลับมายังโลกมากมาย เปลี่ยนเป็นว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศ ที่ทรงพลังที่สุดในโลก ตัวนี้ทำให้การศึกษาค้นพบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพอๆ กับที่นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูล ที่ได้จากภาพมากมายนั้น นี่เป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ ของวงการดาราศาสตร์

การวิเคราะห์ DNA ยุคดึกดำบรรรพ์

แต่ก่อน การจะหาลำดับจีโนม ควรต้องมีกระดูกหรือฟันของคนในสมัยนั้น แต่ตอนนี้ มีอุปกรณ์หาลำดับจีโนมยุคใหม่ที่ละเอียดมากพอ ที่จะวิเคราะห์ และช่วยทำให้พวกเราอ่าน DNA ของคนเราที่โบราณมากๆได้ โดยใช้เพียงตัวอย่างเป็นดินที่มนุษย์สมัยดึกดำบรรพ์เคยปัสสาวะใส่ ทำให้การเรียนรู้ร่องรอย ของมนุษย์ที่เคยอาศัยอยู่เมื่อนานมาแล้ว ทำได้ง่ายขึ้น เปิดเผยให้โลกเห็นว่าพวกเขาใคร และเหตุใดโลกสมัยนั้นก็เลยเป็นเช่นนั้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจชีวิตของผู้คนทั่วๆไปที่มีชีวิตอยู่ในยุคนั้น ไม่ใช่แค่ชีวิตของคนเราที่สามารถจ่ายเงิน ค่าฝังศพอย่างวิจิตรได้เพียงแค่นั้น

การรีไซเคิลแบตเตอรี่

เมื่อรถ EV มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ความต้องการแบตเตอรี่ ก็มากขึ้นด้วยด้วยเหมือนกัน ทำให้หลายบริษัทกำลังสร้างโรงงาน ที่จะนำแบตเตอรี่เก่ามา รีไซเคิล เรียกคืนลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ แล้วต่อจากนั้นก็ป้อนโลหะเหล่านี้กลับไปยังผู้ผลิตแบตเตอรี่ lithium-ion การรีไซเคิลมีความหมายในแง่ของการตัดวงจรการทิ้งแบตเตอรี่ ในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ แบตเตอรี่จะต้องไม่จบลงที่การฝังกลบ เพราะว่ามันอาจเป็นแหล่งโลหะที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับเพื่อการจ่ายพลังงานให้กับรถ EV ในอนาคต แนวทางลักษณะนี้จะมีผลให้ต้นทุนแบตเตอรี่ถูกลงกว่าเดิม อีกทั้งยังลดขยะอันตรายลงได้อีกด้วย

เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ลงทะเบียนชิง

เช็กเงื่อนไขเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ลงทะเบียนชิง 5.6 แสนสิทธิ์ต่อห้อง เริ่มเดือน ก.พ. นี้

เช็กเงื่อนไข เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ลงทะเบียน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ชิงสิทธิ์ 560,000 สิทธิ์ต่อห้อง เริ่มเดือน ก.พ. 66

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี อนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น 3,946,434,800 บาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้านการท่องเที่ยว จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016,000,000 บาท และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองไทย วงเงิน 1,930,434,800 บาท ส่งผลดีต่อผู้ประกอบกิจการทั้งใน และนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งภาคแรงงาน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวเนื่องกว่า 11 ล้านคน ทั้งนี้ คาดว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 12,539 ล้านบาท

เช็กเงื่อนไขเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้านการท่องเที่ยว ปริมาณ 2 โครงการ ได้แก่

1. โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท

แนวทางดำเนินการ

  • การลงทะเบียนใช้สิทธิเข้าโรงแรมที่พักจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์ต่อห้อง รัฐสนับสนุน 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน สูงสุด 5 ห้อง
  • คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว (e-voucher) 600 บาทต่อวัน
  • พื้นที่ดำเนินการ : ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
  • ระยะเวลาดำเนินการ : เดือน ก.พ.-ก.ย. 66
  • ผู้รับประโยชน์จากโครงการ : ประชาชนไทยที่เข้าร่วมโครงการและใช้สิทธิ และผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวที่เข้าร่วม
  • สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พร้อมติดตั้งเป๋าตัง โดยต้องจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน

ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการลงทะเบียน และยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิจำนวน 5 สิทธิ สำหรับประชาชนที่เคยใช้สิทธิแล้ว สามารถกดให้ความยินยอม consent ในระบบได้เลย โดย 5 สิทธิดังกล่าว ไม่นับรวมสิทธิที่ใช้แล้วในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4

โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคล เช่นเดียวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการที่มุ่งให้เกิดการใช้จ่ายและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการบรรเทาภาระของประชาชน

ทั้งนี้ โครงการฯ ยังมีแนวทางป้องกันการทุจริต : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดให้มีระบบแสดงจำนวนห้องพักของแต่ละโรงแรม-ที่พัก หากมีการจองเกินจำนวนห้องที่แจ้งไว้ ระบบจะสามารถจำกัดการจองได้ โดยมอบให้ ททท. สำนักงานสาขาในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการ และเพื่อป้องกันการขึ้นราคาห้องพักเกินจริง จึงให้มีการระบุในแบบฟอร์มยินยอม (consent) ให้ชัดเจน

หากโรงแรมที่พักเจตนาขึ้นราคาห้องพักเกินจริง สามารถเอาผิดเรียกเงินคืน และระงับการจ่ายได้ รวมทั้งต้องได้รับโทษถึงการตัดสิทธิในการเข้าร่วมทุกโครงการของรัฐบาล รวมทั้งจะมีระบบสแกนใบหน้าของผู้ใช้สิทธิในการเชคอินเข้าพักและการใช้ e-voucher เพื่อป้องกันการใช้บัตรประชาชนผู้อื่นสวมสิทธิ

2. โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย

เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น วงเงินรวม 1,930.4348 ล้านบาท

แนวทาง การดำเนิน กิจกรรม

  • การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย จากต่างประเทศ โดยเน้นการนำเสนอ Soft Power ผ่าน Digital Market และกิจกรรมทางการตลาด
  • กระตุ้นท่องเที่ยวไทย เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งขึ้น
  • การสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และสร้างกระแส การเดินทางภายในประเทศ ภายใต้แคมเปน Amazing Thailand, Amazing New Chapters
  • การยกระดับคุณภาพสินค้า เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว
  • สำหรับพื้นที่ดำเนินการ คือ จังหวัดทั่วประเทศไทย ระยะเวลาดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ.-ก.ย. 66 ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ เพื่อช่วยผลักดัน และสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้า
  • หมาย 2.38 ล้านล้านบาท

การดำเนินโครงการอยู่ในช่วงระหว่างเดือน เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 66 ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องจำเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยิ่งเทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดสม่ำเสมอจากนักขัตฤกษ์ในเดือน พฤษภาคม,มิ.ย. และสิงหาคม ช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศ ทำให้ระบบ เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็น การช่วงชิงช่องทางในการแข่งขัน กับประเทศต่างๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รุนแรง และมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ ไม่มีข้อจำกัดด้วย

วิธีลงทะเบียน เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

วิธี ลงทะเบียน เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

เปิดรายละเอียด-วิธีลงทะเบียนโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จำนวน 5.6 แสนสิทธิ์ ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ก่อนเริ่มใช้สิทธิ์ตั้งแต่กุมภาพันธ์-เดือนกันยายน 2566

ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 24 เดือนมกราคม 2566 อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016,000,000 บาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว โดยจะเริ่มให้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่กุมภาพันธ์-ก.ย. 2566

ตลาดรถอีวีแข่งเดือด BYD เขย่าอีกรอบ แบรนด์ญี่ปุ่นปรับตัวจ้าละหวั่น
ทอท.สับเปลี่ยนเก้าอี้บอร์ด ตั้ง “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” นั่งกรรมการ
ครม.ไฟเขียว เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เริ่มใช้สิทธิ กุมภาพันธ์ 2566
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ดังนี้

รายละเอียด การใช้สิทธิ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ให้สิทธิ์แก่ประชาชน ในการสนับสนุนการท่องเที่ยว ภายในประเทศ โดยภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 2 ส่วน คือ

  • สนับสนุนค่าที่พัก 40% (ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน) สูงสุด 5 ห้อง
  • คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว (e-voucher) 600 บาท/วัน
  • กำหนดจำนวนสิทธิเข้าโรงแรมที่พักจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์/ห้อง
  • 1 คน สามารถใช้สิทธิ์ได้สูงสุด 5 สิทธิ์
  • จำนวนสิทธิ์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 นี้ จะไม่นับรวมกับสิทธิ์ที่เคยได้รับในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4

การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีดังนี้

  • ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  • ลงทะเบียนร่วมโครงการที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
  • ทำได้ทั้งผู้ใช้สิทธิ์รายใหม่ และผู้ใช้สิทธิ์รายเดิมที่เคยได้รับสิทธิ์ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4
  • ผู้ใช้สิทธิ์รายเก่า : ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และกดให้ความยินยอม (Consent) เพื่อรับสิทธิ์ได้ทันที
  • ผู้ใช้สิทธิ์รายใหม่ : ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และยืนยันตัวตนตามขั้นตอน
  • ใช้สิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”
  • ทำการจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน

แนวทางป้องกันการทุจริต เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

สำหรับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ภาครัฐมีการวางทางป้องกันการทุจริต โดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสาขาในประเทศ สำหรับในการจัด ให้มีระบบแสดงจำนวนที่พักของแต่ละโรงแรม/ที่พัก หากมีการจองเกินจำนวนห้อง ที่แจ้งในระบบ ระบบจะสามารถจำกัดการจองได้

พร้อมทั้งจัดให้โรงแรม/ที่พักที่ร่วมโครงการ มีการระบุคำยินยอม ในแบบฟอร์มให้ชัดเจน ในการป้องกันปัญหาการขึ้นราคาห้องพักเกินจริง โดยหากโรงแรม ที่พักเจตนาขึ้นราคาห้องพักเกินจริง สามารถเอาผิดเรียกเงินคืน และหยุดการจ่ายได้ รวมทั้งจะต้องได้รับโทษถึงการตัดสิทธิในการเข้าร่วม ทุกโครงการของรัฐบาล

สำหรับในการป้องกันการโกงในส่วนผู้ใช้สิทธิ์ จะมีการจัดระเบียบสแกนบริเวณใบหน้าของผู้ใช้สิทธิ สำหรับการเช็กอินเข้าพัก และการใช้ e-voucher เพื่อป้องกันการ ใช้บัตรประจำตัวประชาชนคนอื่นสวมสิทธิ

Avatar The Way of Water

Avatar The Way of Water รายได้ทะลุ 2 พันล้านเรื่องที่ 6 ในประวัติศาสตร์

ยังแรงไม่หยุด Avatar: The Way of Water ทำรายได้ทะลุ 2 พันล้านเหรียญ ภายในเวลาเพียงแค่ 39 วัน ขึ้นแท่นหนังเรื่องที่ 6 ของโลกแค่นั้นที่สามารถทำเงินได้ในระดับนี้

หลังจากเข้าฉายมาได้แค่ 6 สัปดาห์ ภาพยนตร์อวตาร ภาค 2 “Avatar: The Way of Water” หรือ “อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ” ก็ทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์แค่นั้นที่สามารถทำรายได้จากวิธีขายตั๋วได้สูงระดับนี้

โดยเรื่องที่ทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านเหรียญไปก่อนหน้าที่ผ่านมา ได้แก่Avatar, Avengers: Endgame, Titanic, Star Wars: The Force Awakens และ Avengers: Infinity War

จากรายชื่อที่มองเห็นเท่ากับว่า เจมส์ คาเมรอน เป็นผู้กำกับเพียงผู้เดียวของโลกที่ทำหนังรายได้ทะลุ 2 พันล้านถึง 3 เรื่องด้วยกัน คือ Avatar1, 2 และ Titanic

ในส่วนของดารานั้น โซอี้ ซัลดานา ซึ่งสวมบท “เนย์ทิรี” ในภาพยนตร์ อวตาร และบท “กามอรา” ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ ของมาร์เวล ก็กลายเป็นนักแสดงเพียงผู้เดียวของโลกเช่นกันที่ได้แสดงหนังระดับ 2 พันล้าน ถึง 4 เรื่อง จากทั้งหมด 6 ได้แก่ Avatar, Avatar: The Way of Water, Guardians of the Galaxy, Avengers: Endgame และ Avengers: Infinity War

Box Office Mojo รายงานว่าขณะนี้ The Way of Water ทำรายได้ทั่วทั้งโลกอยู่ที่ 2,024 ล้านดอลลาร์ ตามหลังหนังทำเงินอันดับ 4 และ 5 ของโลกอย่าง Star Wars: The Force Awakens” (2,071 ล้านดอลลาร์) และ Avengers: Infinity War (2,052 ล้านดอลลาร์) อยู่แค่น้อยมากแค่นั้น และมีแนวโน้มว่าจะแซงได้ในเวลาไม่นานเพราะจนกระทั่งตอนนี้ อวตาร 2 ยังครอบครองอันดับ 1 หนังทำเงินในแถบ อเมริกาเหนือ มาติดต่อกันเป็นอาทิตย์ที่ 6 แล้ว เรียกว่าความแรงยังไม่ต่ำลงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ “อวตาร วิถีแห่งสายน้ำ” หรือ The Way of Water จะเข้าฉาย เจมส์ คาเมรอน ได้ให้สัมภาษณ์ วารสารจีคิว เอาไว้ว่า Avatar2 ถือเป็น “กรณีตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์” เพราะเหตุว่าจึงควรทำรายได้ติดอันดับ 1 ใน 4 ของหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลถึงจะเรียกว่าคุ้มค่าการลงทุน

ในขณะที่นักวิเคราะห์คิดว่า “จุดคืนทุน” ของหนังหัวข้อนี้คงจะอยู่ที่ประมาณ1,500 ล้านดอลลาร์ ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ CG ทั้งเรื่องจึงมีต้นทุนสูงมาก

เดี๋ยวนี้ Avatarภาคแรกที่ออกฉายเมื่อ 13 ปีกลาย ยังครอบครองตำแหน่ง “หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล”เอาไว้ได้ที่ 2,900 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Avengers: Endgame อันดับ 2 ที่ 2,790 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 คือ Titanic ด้วยรายได้ 2,190 ล้านดอลลาร์

Avatar รายได้ทะลุ 2 พันล้าน

ความเป็นจริงน่าทึ่งของ Avatar: The Way of Water (อวตาร วิถีที่สายน้ำ)

เป็นหนังที่ทำรายได้แตะหลัก 2 พันล้านดอลลาร์ ได้เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Avengers: Endgame ทำได้ในเวลาแค่ 39 วัน เร็วกว่าAvatar ภาคแรก 6 วัน

ด้วยรายได้ทั้งโลก 2,024 ล้านเหรียญ ทำให้ The Way of Water แปลงเป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 6 แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ได้ด้านในสัปดาห์นี้

Hollywood Reporter กล่าวว่า The Way Of Water ใช้งบประมาณสำหรับการสร้างกว่า 350 ล้านเหรียญ ไม่นับรวมค่าการตลาด และค่าโปรโมทอีกหลาย สิบล้านเหรียญ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในหนังที่มีต้นทุนสูงที่สุด เท่าที่เคยมีการสร้างกันขึ้นมา
Avatar 2 เปิดตัวด้วยรายได้ที่น่าผิดหวังในตลาดสหรัฐอเมริกา คือ 134 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าจำนวนคาดการณ์ของทุกฝ่าย แต่กลับทำรายได้ทะลุ 1,000 ล้านเหรียญในเวลาแค่ 2 อาทิตย์หลังออกฉาย

ตอนนี้Avatar: The Way Of Water ครอบครองอันดับ 1 แชมป์บ็อกซ์ ออฟฟิศมาเป็นเวลามากถึง 6 อาทิตย์แล้ว

The Way of Water รายได้ทะลุ 2 พันล้าน

เปิดคอนเซ็ปต์Avatar 4 และ 5 ตระเตรียมพบการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลา-กลับสู่โลกที่ล่มสลาย

ดูดุจว่ามหากาพย์Avatar ที่ยืนยาวถึง 5 ภาค กับช่วงเวลามากกว่า 20 ปี จะถูกวางแผนเอาไว้หมดแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เหลือเพียงกระแสตอบรับจากแฟนๆเพียงแค่นั้นที่จะเป็นตัวชี้ชะตาว่ามันจะได้ไปต่อไหม หลังจากที่ในภาคแรก แนะนำให้เรารู้จักกับโลกใบใหม่ ภาคที่ 2 ก็ได้เริ่มปูทางแนะนำนักแสดงใหม่ๆก่อนที่ภาค 3 จะลงลึกถึงความเกี่ยวพันระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆใน ดาวแพนดอร่า อันแสนสวยสดงดงาม และตอนนี้พวกเขาเริ่มแย้มให้เราทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 2 ภาคสุดท้ายของเรื่องราวแล้วด้วย

สำหรับเพื่อการให้สัมภาษณ์กับวารสาร Empire โปรดิวเซอร์ จอน แลนเดา ได้บอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงด้านหลังของมหากาพย์ Avatar ทั้งการ Time Skip หรือการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลา และการนำเรากลับไปยังดาวโลก เขาเล่าถึงเรื่องเหล่านี้เอาไว้ว่า

“หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลาครั้งใหญ่ในAvatar 4 ในภาคสุดท้ายเราจะกลับไปที่โลกกันครับ มันจะเป็นเรื่องราวของดาวโลกที่ถูกตัดไปจากหนังภาคแรก นำเสนอโลกที่ล่มสลายอย่างสิ้นเชิง ทั้งปัญหาประชากรล้นโลก และการขาดแคลนทรัพยากรขั้นวิกฤตที่ทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องยาก แต่เราไม่ได้อยากจะให้ภาพเหล่านั้นออกมาสิ้นหวังและไร้ชีวิตชีวาขนาดนั้น หนังชุดนี้จะเกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ที่เราจะแก้ไขมันด้วยครับ”

หากเป็นแบบนั้นจริง ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เราจะได้เห็นเหล่าเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่ถูกแนะนำตัวในภาคนี้เติบโตขึ้น และกลายเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องอย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้จะถูกผลักดันมากยิ่งขึ้นเพราะในภาคที่ 3 จะมีการโชว์ด้านมืดของชาวนาวี ขณะเดียวกันก็จะแสดงให้เห็นด้านที่ดีมากขึ้นของมนุษย์ด้วย ทั้งหมดล้วนนำไปสู่บทสรุปทั้งสิ้น ชวนให้น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียวว่าหลังจากนี้จะมีอะไรรอพวกเราอยู่บ้าง

เปิดนาทีตำรวจซ้อนแผนจับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต

งามหน้า! เปิดนาที ตร.ซ้อนแผนจับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต รีดเงินร้านขายมือถือ 3 แสน

เปิดนาทีตำรวจซ้อนแผนจับ “เจ้าหน้าที่สรรพสามิต” อุ้มพนักงานร้านขายมือถือขึ้นรถ รีดเงิน 3 แสนบาท

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 เดือนมกราคม 2566 MR.WU อายุ 31 ปี คนจีน เดินทางเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.เมืองจังหวัดสมุทรปราการ ภายหลังจากชายฉกรรจ์ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ กรรมสรรพสามิต เข้ามาขอตรวจค้นภายในร้าน ขายอุปกรณ์ โทรศัพท์มือถือ

ก่อนที่จะจับ ผู้จัดการร้าน ลูกน้อง ชาวพม่า ขึ้นรถไป พร้อมทั้งเรียก เก็บเงินกว่า 3 แสนบาท แลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว เหตุเกิดที่ห้องแถว เลขที่ ต. ด้านหลังบ้านใหม่ อ.เมือง จังหวัดสมุทรปราการ

อุ้มพนักงานร้านขายมือถือขึ้นรถ

MR.WU บอกว่า ตนเองเป็นน้องชาย เจ้าของร้าน เปิดขาย อุปกรณ์มือโทรศัพท์มือถือมานานแล้ว

แต่ก่อนเคยเปิดอยู่ในห้าง ก่อนที่จะย้ายมาเปิดเช่าห้องแถว ที่บริเวณ ซอยอู่ทอง ถัดมา ระหว่างนี้ตัวเองจะมีหน่วยงานราชการ ตนเองไม่ขอเอ่ยว่า เป็นหน่วยงานใด เข้ามาเก็บค่าลิขสิทธิ์ ที่้ร้านอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนเองก็ยอมจ่ายไป เพราะว่าไม่ได้อยากต้องการมีปัญหา

กระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ตนเองไม่อยู่ โดยมีน้อง และ ลูกจ้างหญิง ชาวเมียนมาร์ เฝ้าร้านอยู่กันสองคน มีชายฉกรรจ์ 6-7 คน กล่าวถึงว่า กรมสรรพสามิต ขับขี่รถมาหยุดหน้าร้าน ก่อนที่จะเข้ามา ขอตรวจค้นที่ร้าน พร้อมทั้งบอกว่า อุปกรณ์ ที่จัดจำหน่ายอยู่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หนีภาษี

ก่อนที่จะจับตัวน้อง และลูกจ้างขึ้นรถไป กระทั่งกลุ่มดังกล่าว ติดต่อมาหาตนว่า จะต้องเสียค่าปรัก กว่า 3 แสนบาท ต่อมาได้มีการต่อลองลงมา จนเหลือ 5 หมื่นบาท แต่ตัวเองเกรงว่าจะน้อง จะไม่ปลอดภัย และไม่มั่นใจว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ก็เลยเดินทางมาแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ฝ่าย สืบสวน นำโดย พันตำรวจตรีชัชพงศ์ ขาวสะอาด สว.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้นัดหมาย กับผู้เสียหาย ให้กล่าวคุยกับทาง กลุ่มชายฉกรรจ์ และบอกว่า จะนำเงินไปให้ตามตกลง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ จะซ้อนแผนเข้าจับกุม มีการนัดมอบเงินกันที่ บริเวณปั๊มน้ำมัน ริมถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ

โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปแอบซุ่ม ข้างโรงเรียนนายเรือ ถนนหนทางสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปแอบซุ่มรอกระทั่งถึงเวลานัดหมาย พบรถยนต์ปิ๊กอัพ โตโยต้า รีโว่ สีบรอนเงิน ทะเบียน 3 ขฌ 8533 หยุดอยู่ในปั้ม และมีผู้เสียหาย ทั้งสองคน นั่งอยู่ในรถด้วย

จากนาย MR.WU จึงนำซองกระดาษ ด้านในมีเงินกว่า 5 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสาร ไว้เป็นหลักฐานแล้ว เดินลงจากรถยนต์ ไปมอบให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ กระทั่งได้สัญญาณ ตำรวจ เข้าไปปิดล้อมขอค้น

เจ้าหน้าที่ สรรพสามิต รีดเงิน 3 แสนบาท

พบว่าในรถมีชาย 3 คน กล่าวถึงว่าตนเองเป็น เจ้าหน้าที่สรรพสามิต

ส่วนเงินที่เจอในรถยนต์อ้างถึงว่าผู้เสียหายนำมาให้ เพื่อจะไปจ่ายค่าปรับ แต่เจ้าหน้าที่ ไม่เชื่อจึงนำตัวชายทั้งสามคนมาสืบสวน ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบในรถยนต์ เจอบัตรราชการ ของ ป.ป.ส.ระบุชื่อ นายสวโรจน์ โฉมงาม ระบุตำแหน่ง เจ้าพนักงาน ชำนาญงาน สังกัด กรมสรรพสามิต อยู่บนรถ และยังพบเสื้อกั๊กสีดำซึ่งติดโลโก้ของ กรมสรรพสามิต 2 ตัว วางอยู่ในรถด้วย

สอบถาม นางสาวมลธิลา ใจพรม 21 ปี ผู้จัดการร้าน บอกว่า ขณะที่ตนเองนั่งอยู่ในร้าน มีชายฉกรรจ์มากว่า 6-7 คน ใส่เสื้อกั๊กติดตราของ กรมสรรพสามิต เข้ามาในร้าน ขอตรวจหา และกล่าวว่าตนเองค้าของหนีภาษี

ก่อนที่จะพาตนเองขึ้นรถไป ต่อมาชายทั้งสามคน พาตนไปจอดรถอยู่ รอบๆหน้าสำนักงาน กรมสรรพสามิต ใกล้ศาลากลางจังหวัด สมุทรปราการ แต่ไม่ได้พาเข้าไปในสำนักงาน

ต่อมา กลุ่มชายดังกล่าว ข่มขู่ว่าว่าหากไม่นำเงิน 3 แสนบาทมาจ่ายค่าปรับตามตกลง หากถูกตำรวจจับจะเรื่องใหญ่กว่านี้ และจะต้องขึ้นศาล ด้วยความกลัวตัวเองจึง โทรไปพบเจ้าของร้าน และเล่ารายละเอียดให้ฟัง จนกระทั่งมีการต่อลองกระทั่งราคาลดน้อยลง 8 หมื่นบาท แต่ทางเจ้าของร้านมี 5 หมื่น ก่อนที่จะมีการนัดหมาจ่ายเงินกัน ที่ปั้ม ปตท.

สืบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ชายที่ถูกจับได้ เป็นเจ้าหน้าที่ของ กรมสรรพสามิต 2 คน สังกัด สรรพสามิตส่วนกลางหมายถึงสำนักตรวจสอบป้องกัน และปราบปราม หรือเรียกว่า (สตป.) และ พลเรือน 1 คน ส่วนรายละเอียด อยู่ระหว่างการสอบสวน

ทั้งนี้ยังพบอีกว่า มีรถอีกคัน ซึ่งน่าจะเป็นของกลุ่มที่เหลือ หลังเจอตำรวจ พากันขับหนีไปก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาสืบสวนถัดไป

กัญชาเสรี บุกโรงเรียน

ทำอย่างไรดี เมื่อ “กัญชาเสรี” บุกโรงเรียน

วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ถือเป็นวัน “ปลดล็อกกัญชา” ของประเทศไทย “กัญชาเสรี” หลังจาก กระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่า กัญชาไม่ใช่ “ยาเสพติด” ทั้งยังยกเลิกความผิดฐานผลิต นำเข้า ส่งออก มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพหรือขาย รวมถึงการเสพหรือการสูบ ซึ่งสร้างความกลุ้มใจให้กับหลายฝ่าย ด้วยเหตุว่าไม่มีการเตรียมมาตรการทางกฎหมาย เพื่อต่อกรกับผลลัพธ์ที่จะตามมา

หลังจากประกาศปลดล็อกกัญชา ก็มีข่าวการใช้กัญชาที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายผู้ใช้อย่างแพร่หลาย ทำให้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ประกาศให้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพฯ เป็น “เขตปลอดกัญชง – กัญชา” ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 เหมือนกันกับตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ประกาศว่าโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจะต้องเป็น “โรงเรียนปลอดกัญชา”

ความพยายามสำหรับในการขัดขวางกัญชาในโรงเรียนที่สวนทางกับ “เสรีกัญชา” นอกรั้วโรงเรียน ทำให้การสั่งห้าม เป็นเรื่องยาก และกลายเป็นความไม่ค่อยสบายใจที่ “อาจารย์” ต้องหาทางรับมือกับกัญชา ที่ไหลหลากเข้ามาในโรงเรียน

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้อาจารย์หลายๆคนตั้งวง “คุยสถานการณ์กัญชาเสรีในโรงเรียน” เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนปัญหาเรื่องกัญชาในโรงเรียน ที่อาจจะเป็นปัญหาลุกลามใหญ่โต ถ้าหากว่าไม่มีมาตรการรับมือที่ชัดเจน

กัญชาเสรีในโรงเรียน

สถานการณ์ กัญชาเสรี ในโรงเรียน

คุณครูคนไม่ใช่น้อยเริ่มสะท้อนว่า ก่อนจะมีการปลดล็อก ตามประกาศกฎหมาย กัญชาเสรี ก็ประสบพบเจอปัญหา เด็กนักเรียนแอบใช้กัญชาอยู่บ้าง รวมไปถึงสารเสพติดอื่นๆ ซึ่งส่วนมากจะมีต้นเหตุที่เกิดจากเด็กนักเรียนอยากรู้อยากลอง โดยเด็กนักเรียนที่ใช้กัญชาจะมีลักษณะง่วงนอน หลับในห้องเรียน และไม่พร้อมที่จะศึกษา ขณะที่คุณครูมักจะใช้ กระบวนการติเตียน ซึ่งทำให้นักเรียนไม่อยากมาเรียน เนื่องมาจากรู้สึกขายขี้หน้า และหวาดกลัว

จากการสังเกตของอาจารย์ผู้คนจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ใช้เวลากว่า 2 ปี พบว่าพฤติกรรมขโมยของ และใช้กัญชาในนักเรียนมีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้รับแจ้งข้อมูลว่า มีเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับ กัญชา ในทุกระดับชั้น และชั้นที่อายุน้อยที่สุดได้รับแจ้งคือนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1

ถึงแม้ครูจะต้องต่อกรกับปัญหา กัญชา และพยายามหาทางจัดการกับปัญหาการใช้กัญชา ของนักเรียน แต่ครูที่ร่วมวงพูดคุย ก็สะท้อนว่า การเป็นครูเหมือนอยู่ที่เปลือกของปัญหา เนื่องด้วยการเข้าถึงรากของปัญหา ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่สำหรับโรงเรียนที่แม้จะถูกกล่าวว่า เป็นสถานที่ที่ราชการ และไม่อนุญาตให้นำกัญชาเข้ามา แต่เมื่อนักเรียนก้าวเท้าออกมาจากโรงเรียน ก็สามารถประสบพบเห็นการซื้อขายกัญชาได้ง่ายๆ จึงทำให้ปัญหาการใช้กัญชา ในโรงเรียนกลายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ปัญหาที่คุณครูจะต้องพบเจอ

ปัญหาข้อหนึ่งที่ครูสะท้อน คือการเข้าถึงสื่อที่ง่ายเกินไป โดยยิ่งไปกว่านั้น TikTok ที่เด็กนักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลเรื่องกัญชาได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว แต่ว่าข้อมูลที่ปรากฏกลับกลายข้อมูลด้านเดียวที่ระบุว่า การใช้กัญชาจะก่อให้ร่าเริงแจ่มใส ขณะเดียวกันครูเองก็ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องกัญชา หรือเรื่องหลักพิษวิทยาของกัญชา ทำให้ครูปราศจากความพร้อมสำหรับเพื่อการสอน หรือต่อกรกับเด็กที่ใช้สารเสพติด

ในทางกลับกัน ครูบางส่วนที่ตระหนักถึงความสำคัญของการสอนเรื่องข้อดี-จุดบกพร่องของกัญชา และพยายามเชิญชวนเด็กนักเรียนพูดคุยแลกเปลี่ยน เรื่องกัญชาในคาบเรียน กลับมิได้รับการช่วยสนับสนุนหรือไม่มีครูท่านอื่นร่วมด้วย เหตุเพราะฝ่ายกิจการเด็กนักเรียนคิดว่าการสอนเรื่องกัญชาเป็นเรื่องตลกขบขัน และไม่ใส่ใจที่จะให้ความรู้ความเข้าใจ

สิ่งเดียวกัน แม้นักเรียนจะมีความสนใจหัวข้อนี้อย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถเข้าถึงวิชาความรู้เรื่องกัญชาได้ ด้วยเหตุว่าขัดกับหลักโรงเรียนคุณธรรม

ครูผู้คนจำนวนมากชี้ว่า ปัญหาสำคัญที่สุดของเหตุการณ์กัญชาในโรงเรียน เป็นแนวทางของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางของสังคม และนโยบายกัญชาเสรีของภาครัฐ นำมาซึ่งการทำให้ครูทำงานตรากตรำ อาจารย์ราวกับตกอยู่ในเหตุการณ์ออกศึกแต่ไร้อาวุธ ตั้งแต่ไร้สื่อการสอนเรื่องกัญชาที่เป็นกลาง ที่ทำให้ทราบทั้งด้านดี และด้านเสียของการใช้กัญชา ไปจนกระทั่งวิธีการรับมือกับเด็กที่ใช้กัญชาอย่างแม่นยำ และไม่ตัดทอนความเป็นมนุษย์ของเด็กนักเรียน

นอกจากนี้ ภาระหน้าที่งานอื่นๆจำนวนหลายชิ้นที่นอกเหนือจากการสอน ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้อาจารย์ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะนิ่งเฉยต่อเด็กที่มีปัญหา แม้ครูรุ่นใหม่จะพยายามเข้าไปเปลี่ยน แต่แรงกระแทกจากคำสั่งกระทรวงฯ ผู้อำนวยการ เพื่อนคุณครู หรือผู้ปกครอง ก็ทำให้ครูผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยอมยกธงขาวไปในที่สุด

กัญชาเสรี

ทางออกสำหรับทุกคน

คุณครูที่ร่วมกลุ่มคุยสะท้อนว่า ทางออกของข้อความสำคัญกัญชาเสรีในโรงเรียนคือ สร้างการศึกษาที่เปิดกว้าง ให้นักเรียนได้เสนอคำถามกับการใช้กัญชา สร้างโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา และเข้าถึงข้อมูลที่ถูก รวมถึงเปิดโอกาสให้ มีการติดต่อสื่อสารระหว่างเด็กนักเรียน คุณครู และผู้บริหาร เหมือนกับการผลิตสื่อการสอนที่เป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พูดถึงจุดเด่น – ข้อเสียของการใช้กัญชาอย่างไม่อ้อมค้อม และสามารถเข้าถึงข้อมูลกลุ่มนี้ได้ง่าย

ทั้งนี้ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ “รับฟังนักเรียน” จะเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะยาว โดยครูที่ร่วมวงพูดคุยให้ความเห็นว่า โรงเรียนไม่มีระบบที่เข้ามารองรับและช่วยเหลือ เด็กนักเรียนที่ใช้สารเสพติด เหมือนกันกับการติดต่อสื่อสารกับเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องด้วยคุณครูกับเด็กนักเรียนใช้คนละภาษา

ยิ่งไปกว่านั้น ค่าความนิยมของโรงเรียนก็วินิจฉัยว่านักเรียนที่ใช้สารเสพติดเป็นคนไม่ดี คุณครูก็เพ่งเล็งว่านักเรียนคนนั้นๆเป็นเด็กเกเร เพื่อนร่วมชั้นก็ไม่รับ ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลให้การเห็นคุณค่าในตนเอง และกลับตัวกลับใจให้ดียิ่งขึ้น ของเด็กนักเรียนคนนั้นเกิดได้ยากขึ้นกว่าเดิม

ด้วยเหตุผลดังกล่าว การทำงานกับความเชื่อของคุณครูและเพื่อนร่วมชั้น ก็เลยเป็นเรื่องจำเป็นเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้เด็กนักเรียนมีคนที่สามารถเชื่อใจและเสวนาได้ ซึ่งจะมีผลให้นักเรียนรู้สึกไม่มีอันตราย เกิดความไว้วางใจและวางใจ นำมาซึ่งความรู้สึกมั่นอกมั่นใจ และสะท้อนการเห็นคุณค่าในตนเอง ที่มากเพิ่มขึ้น

สุดท้ายเป็นความรับผิดชอบของภาครัฐ ที่ควรจะมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อช่วยเหลืออาจารย์ในโรงเรียนที่กำลังรับมือกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชาของเด็กนักเรียน รวมไปถึงแนวนโยบายที่จะช่วยอุดรอยรั่วของนโยบายกัญชาเสรี เพื่อปกป้องนักเรียนจากการใช้กัญชาโดยไม่ตระหนักถึงข้อตำหนิของมัน เหมือนกันกับป้องกันไม่ให้เกิดคือปัญหาที่จะถั่งโถมเข้าใส่ครูผู้สอน จนกระทั่งครูรู้สึกหมดพลังกับการจัดการกับปัญหารายวัน และลดทอนเลื่อมใสของคุณครูที่ตั้งอกตั้งใจมาให้ความรู้ความเข้าใจกับเด็กนักเรียน

จิ๊บ คีตภัทร เปิดภาพปัจจุบัน

แฟนคลับสุดคิดถึง เปิดภาพปัจจุบัน ‘จิ๊บ คีตภัทร’ นางเอกดัง ที่สวยเด่นไม่เปลี่ยนแปลง

จัดเป็นอีกหนึ่งดาราสาวสวยที่คนไม่ใช่น้อยหลงเสน่ห์เธอหนักมาก สำหรับสาว จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์ ที่ฝากผลงานสุดปังเอาไว้เป็นอันมาก อาทิเช่น กามเทพลวง, กว่าจะรู้เดียงสา, หมอผีไซเบอร์, เบญจา คีตา ความรัก ฯลฯ แม้ในช่วงเวลานี้คุณจะไม่ค่อยมีผลงานแสดงออกทางจอให้ได้เห็นกันเท่าไหร่ แต่บอกเลย แฟนๆรักเธอ และนึกถึงหนักมาก

งานนี้พวกเราเลยไม่พลาด ชักชวนทำความรู้จักสาว จิ๊บ เบาๆและพาไปชมรูปสวยๆของสาวจิ๊บกัน ที่บอกเลยว่า เธองาม หุ่นดี และโดดเด่นไม่เปลี่ยนแปลงเลย โดยสาวจิ๊บเกิด|วันที่ 21 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2527 เป็นดาราหนังชาวไทยในสังกัดนักแสดงวิดีโอ และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จิ๊บ เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว อันติมานนท์ เป็นผู้แสดงสาวชาวไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้แสดงฝ่ายชายเป็น จิม เจจินตัย แวนดิว

จิ๊บ มีผลงานเรื่องแรก อาทิเช่น กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบทบาท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกใน ละครหลังข่าว เรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกหนึ่งเรื่อง ละครเรื่อง ลูกหลง ทำให้ คีตภัทร เป็นดาราหนังที่รู้จักกัน และโด่งดังในสมัยนั้น ต่อมา คีตภัทร รับงานละครหลายๆเรื่อง และเป็นการพลิกบทเป็นนางร้าย และเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ และมีความสามารถ ด้านการแสดงอีกคับคั่งนั่นเอง

โดยหลังจาก จิ๊บ เบาๆงานในวงการบันเทิงไป จากทางจอ ก็ทำเอาแฟนคลับคิดถึงหนักมาก พากันมาส่องไอจีของเธอ และบอกรัก บอกคิดถึง รวมทั้งส่องชีวิตสุดปังของเธอ กันเป็นอย่างมาก

แฟนคลับสุดคิดถึง จิ๊บ คีตภัทร

​​ทำความรู้จัก งามเก่งครบสูตร จิ๊บ คีตภัทร อดีตนางเอกดังสมัย 90

เป็นอีกหนึ่งศิลปินสาวสวย ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานมากๆสำหรับ จิ๊บ คีตภัทรน้องสาวของศิลปินหนุ่มหล่อ จิม เจจินตัย อันติมานนท์ โดยทั้ง จิ๊บ และ เจจินตัย เป็นดาราที่มีชื่อเสียงมากมายในสมัย 90 หากใครเคยเห็นละครดังช่อง 7 อย่างเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก หรือ กว่าจะรู้เดียงสา มั่นใจว่าจะต้องคุ้นหน้า จิ๊บ คีตภัทรวันนี้ เราจะพามาทำความรู้จักจิ๊บ คีตภัทร กันอีกครั้ง เผื่อคนใดที่ยังไม่ทราบ หรือ จำสาวคนนี้มิได้

คีตภัทร อันติมานนท์ ชื่อเล่น จิ๊บ

เกิดเมื่อวันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2527

เป็นผู้แสดงชาวในสังกัดนักแสดงวิดีโอ และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

จิ๊บ คีตภัทรเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ

เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอันติมานนท์

จิ๊บ เป็นดาราสาวคนประเทศไทยซึ่งเป็นน้องสาวของ นักแสดงชายคือ จิม เจจินตัย อันติมานนท์

สำหรับเรื่องของการเข้าวงการบันเทิงของจิ๊บ คีตภัทร นั้น เธอเริ่มเข้าสู่วงการสายบันเทิงไทย เป็นดาราหนังในสังกัดศิลปินวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

และมีผลงานเรื่องแรกยกตัวอย่างเช่น กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในหน้าที่ แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกในละครหลังข่าวเรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกหนึ่งเรื่องละครเรื่อง ลูกหลง ซึ่ง จิ๊บ มีผลงานโดยตลอด ทำให้คุณเป็นดาราที่รู้จักกัน และเป็นที่รู้จักในสมัยนั้น และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก ซึ่ง จิ๊บ รับงานละครหลายๆเรื่องและเป็นการสลับบทบาทเป็นนางร้ายและเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ และมีความสามารถด้านการแสดงอย่างยิ่ง

พักหลังๆเธอได้เฟดตัวออกมาจากวงการบันเทิง และยังปฏิบัติงานมีธุรกิจส่วนตัว รวมถึงเธอยังมีธุรกิจส่วนตัวพร้อมกันไปด้วย และนอกจากนี้ จิ๊บ ยังเป็นพาร์ทเนอร์ ร้านอาหารไทย ที่ชื่อ Noi Thai Cuisine Greenlake ที่ Seattle อเมริกา อีกด้วย จะต้องบอกว่า สาวคนนี้ ทั้งสวย มากความสามารถ ครบสูตรจริงๆ

ที่สวยเด่นไม่เปลี่ยนแปลง

“จิ๊บคีตภัทร” จ่อฟ้อง! สับเละคนปล่อยข่าว นางเอก จ. กระทบครอบครัว-แฟน

หลังจากที่ผู้ใช้ ติ๊กต๊อก รายหนึ่ง ได้ออกมาเปิดเผยใจความว่า “มีข่าวหลุด!! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี แอบไปซื้อหนุ่มนอกวงการกิน แล้วโดนหนุ่มอัดคลิปแบล็กเมล์ เรียกเงิน 4 แสน ล่าสุดมีคลิปหลุดออกมา เร็วๆ นี้เจ้าตัวเตรียมแถลงข่าวแน่นอน”

ต่อมา ก็ได้โพสต์อีกว่า “โดนแล้ว! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี ชื่อย่อ จ. เข้าแจ้งความเอาผิดหนุ่มนอกวงการ หลังขายคลิปตนเองที่กำลังมีอะไรกัน ให้กลุ่มลับกลุ่มหนึ่ง ในราคา 4 แสนบาท ซึ่งความยาวคลิปเต็ม 21 นาที เห็นหน้าตัวเองชัดเจน เลยทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าตัวลั่นไม่ยอมความ พร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

จนถึงทำให้ชาวเน็ตแอบทายกันไป ต่างๆนานา ว่าอดีตนางเอกจ. ช่องหลายสีเป็นใคร ซึ่งหนึ่งในนั้นแอบมีคนผุดชื่อขึ้นมา ว่าใช่ “จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์” ผู้แสดงสาวยุค 90 หรือไม่ ทำให้วันนี้ (13 เดือนมกราคม) เจ้าตัวจะต้องรีบออกมาชี้แจงผ่านไอจี ว่าตนเองไม่ใช่คนภายในข่าวอย่างแน่นอน พร้อมจะฟ้องร้องตามกฎหมาย กับคนที่ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย

“ขออนุญาตชี้แจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ จากข่าวที่มีการใช้ชื่อหรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บซึ่งทำให้ เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่องและไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัวที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ อยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บและครอบครัวได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิและ ความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

อุ๊งอิ๊ง พรรคเพื่อไทย ปลุกแดงอุดร

ศึกชิงแบรนด์ “อุ๊งอิ๊ง” พรรคเพื่อไทย ปลุกแดงอุดรฯ สกัด “สุดารัตน์”

ศึกคนกันเอง “อุ๊งอิ๊ง” ชักธงรบ พรรคเพื่อไทย ปกป้องอุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดง หวั่นหน่วยจรยุทธ “สุดารัตน์” เจาะ 2 เขต พื้นที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโส เสี่ยงสอบตก

“อุ๊งอิ๊ง” ไม่ประมาท ทั้งอุดรธานี-หนองบัวลำภู เจอกระแสพรรคสีแดงทิ้งคนเก่า หลั่งน้ำตา ลาทักษิณ หันไปพึ่ง “สุดารัตน์”

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม2566 อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะยกทัพครอบครัวเพื่อไทย ไปเยือน จ.อุดรธานี เปิดเวทีปราศรัย ที่ทุ่งศรีเมือง นำโดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดาวเด่นดาวดัง ของพรรคเพื่อไทย และเป็นครั้งแรกที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ขึ้นเวทีกลางแจ้ง

เพราะอะไร พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในเมืองหลวงคนเสื้อแดง ถ้าเกิดพิจารณาจากคิวเดินสายของ อุ๊งอิ๊ง ในอุดรธานี ก็พอจะได้คำตอบ

เช้าวันอาทิตย์ หลังนั่งเครื่องบินถึงอุดรธานี อุ๊งอิ๊ง และทีมเพื่อไทย ก็เดินทางไปที่ อำเภอเพ็ญ และ อ.บ้านดุง เพราะเหตุว่าเป็น 2 เขตที่สุ่มเสี่ยง แพ้พรรคไทยสร้างไทย

ปีที่แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยกทีมมาเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองเขต ปรากฏว่า มีกระแสตอบรับดีมาก และข่าวแบรนด์คุณหญิงหน่อยขายได้ สั่นสะเทือนถึงดูไบ

บวกกับสถานการณ์ ล่าสุด วิชัย สามิตร อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู พาหลานชาย ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนองบัวลำภู หลั่งน้ำตาล่ำลาเพื่อไทย เพราะพรรคไม่ส่งสมัคร ส.ส.สมัยหน้า

วิชัย สามิตร โยนระเบิดว่า พรรคเลือกนายทุน ไม่เอาคนเก่าที่อยู่กับพรรคมา 20 กว่าปี และถัดมา ทางพรรคเพื่อไทยชี้แจ้งว่า เหตุที่พรรคไม่ส่งณัฐวุฒิ ลงสมัคร ส.ส. เนื่องจากว่าแฟนสาวของณัฐวุฒิ เป็นรองโฆษก พรรคไทยสร้างไทย

ทั้งอุดรธานี และหนองบัวลำภู ต่างก็มีปมมาจากความไม่ถูกกัน ระหว่างเพื่อไทย กับ ไทยสร้างไทย

ศึกชิงแบรนด์ อุ๊งอิ๊ง

“อุ๊งอิ๊ง” ชิงเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อุดรธานี เนื่องจากไม่ประมาทคนกันเอง และไม่มองข้ามแบรนด์ “สุดารัตน์”

ปัจจุบัน ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เหลืออยู่ 7 คน ประกอบด้วย ศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี 4 สมัย ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ,อนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย ,ขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี 6 สมัย ,อาภรณ์ สาราคำ ภรรยาขาใหญ่เสื้อแดง-ขวัญชัย ไพรพนา ,จุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ ภรรยาเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี ,เกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย และเทียบจุทา ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี 3 สมัย ภรรยาวิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี

ส่วน จักรพรรดิ ไชยสาส์น ได้ลาออกจาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคเพื่อไทย ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่เพื่อไทยไม่ได้กลุ้มอกกลุ้มใจเขตนี้มากนัก

สมัยหน้า สนามเลือกตั้ง อุดรธานี มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มจาก 8 คน เป็น 9 คน ทางพรรคเพื่อไทย ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยเขตใหม่ จะส่งเสี่ยก้อ-วัชระพล ขาวขำ รองนายกเทศมนตรี นครอุดรธานี ลูก ชายวิเชียร-เทียบจุฑา ขาวขำ ลงสนามเป็นสมัยแรก

ส่วน สมาชิกสภาจังหวัด เบิร์ด กรวีร์ สาราคำ ลูกชายขวัญชัย ไพรพนา จะลงสมัคร ส.ส.แทน คุณแม่ อาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี เขต 4

กรณี จักรพรรดิ ไชยสาส์น ลูกชายอีดี้จวบ-บังเอิญ ไชยสาส์น เพื่อไทยจะส่งอีโต้อีสาน ธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯ สมัครแทน ที่เขต อ.กุมภวาปี

พื้นสุ่มเสี่ยงของเพื่อไทยเป็น อำเภอบ้านดุง และ อ.เพ็ญ “อุ๊งอิ๊ง” ก็เลยยกทีมไปยืนยัน ความเป็นลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร แบรนด์ของแท้ ส่วนแบรนด์ “สุดารัตน์” ไม่ใช่พวกเดียวกัน

ปีที่แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยกทัพใหญ่ พรรคไทยสร้างไทย มาเปิดตัวผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอุดรธานี 2 เขตเป็นอำเภอบ้านดุง และ อ.เพ็ญ

สำหรับ อ.บ้านดุง พรรคไทยสร้างไทย ส่ง โชคเสมอ คำมุงคุณ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านดุง และ อำเภอเพ็ญ ก็ส่ง หรั่ง ธุระพล นายก อบต.เซียงหวาง ลงสนาม

ทั้งโชคเสมอ และหรั่ง เป็นนักการเมืองท้องถิ่นดาวฤกษ์ หรือบ้านใหญ่ เคยสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสีเสื้อภูมิใจไทย มาตั้งแต่ปี 2554 และปี 2562 ถึงจะแพ้เพื่อไทย แต่ก็ได้คะแนนหลักหมื่น

เมื่อโชคเสมอและหรั่ง ย้ายมาใส่เสื้อพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ ชาวบ้านกล่าวเป็นเสียงกันกันว่า มาถูกทางแล้ว เพราะเหตุว่าแบรนด์คุณหญิงหน่อย ยังได้รับความนิยมชมชอบ ต่างแบรนด์เนวิน ที่ชาวบ้านไม่ยอมรับ

ขณะที่ อนันต์ ศรีพันธุ์ (อ.เพ็ญ) และขจิตร ชัยนิคม (อำเภอบ้านดุง) เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย แต่ประชาชนเริ่มเบื่อ เพราะทั้งคู่ไม่ขยันลงพื้นที่ และได้โอกาสจะแพ้แก่คู่อริเก่า

นายณัฐวุฒิ

‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทัพ พรรคเพื่อไทย บุกถิ่นอุดรฯ15มกราคมโหมโรงคอยเลือกตั้งหวังแลนด์สไลด์

นายณัฐวุฒิ กล่าว การจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย : อีสานยามได๋ เพื่อไทยท่อนั่น ที่ จ.อุดรธานี เพื่อเป็นการยืนยันว่าในปี 66 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นปีแห่งการทวงคืนอนาคตจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการ ที่ไร้ความสามารถและอยู่ในอำนาจมา 8 ปี ทั้งนี้แม้หลายฝ่ายจะมองว่า จ.อุดรธานี เป็นเมืองหลวงทางการเมืองของพรรค พท. ในภาคอีสาน เพราะชนะเลือกตั้งยกจังหวัดหลายสมัย แต่พรรค พท. ไม่รู้สึกว่าพื้นที่ใดหรือจังหวัดใดสำคัญมากหรือน้อยกว่า ทุกจังหวัดมีความสำคัญสำหรับการทำงานทางการเมืองของพรรคเท่าเทียมกัน

หลังการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยที่อุดรธานี แล้วจะมีการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยไปยังภูมิภาคต่างๆได้แก่ ภาคกลาง อีสานใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตราบจนกระทั่งจะมีการยุบสภา เมื่อมีการยุบสภาแล้ว พรรค พื้นที่จะจัดเวทีปราศรัยในพื้นที่จ.กรุงเทพฯเพื่อประกาศคิกออฟแนวนโยบายชุดใหญ่ เป็นนโยบายในโค้งสุดท้ายเพื่อไปสู่สนามออกเสียง เป้าหมายของพรรค พื้นที่ คือการมุ่งเป้าที่การชนะลงคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเอาชนะกติกาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม วางเอาไว้ให้ได้

1 คดีป๋ายุทธ

ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทาง แอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 และ เฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 ในวัน อังคาร ที่ 10 มกราคม 2566 พรีเซ็นท์รายงานพิเศษ ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

การยุทธ ยังไม่สิ้นเสร็จ ทางออกของ ย. ย. ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเป็นอย่างไรถัดไป คดีที่กลายเป็นข่าวอื้อฉาว คาวสวาท ในวัย 80 ปี กับสาวสวยรุ่นลูก ซึ่ง ดันเป็น “เมียชาวบ้าน”

นายยงยุทธ ปัจจุบันนี้ จะต้องพบศึกกระหนาบ กับหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน ทั้งจากคดี รวมทั้ง กระแสสังคม

ในทางคดีนั้น “นาย ก.” ฝ่ายโจทก์ ซึ่ง มีทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับว่าความให้ ได้ยื่นฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหาย ต่อ จำเลยไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 23 ธ.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา

ปรากฎว่า มีการเดินเกม โต้ตอบ ส่งคนไปขู่คุกคามทางด้านโจทก์ ถือเป็นแผนการที่พลาดอย่างแรง ของคนสั่งการ

เมื่อโจทก์เกิดความหวาดกลัว แล้ว ยอมถอยไปเงียบๆก็จัดว่าเข้าทางไป แต่สำหรับในกรณีนี้ โจทก์ กลับทำตรงข้าม และ พร้อมที่จะชนอิทธิพลให้ รู้ดี รู้ชั่ว กันไปเลยทีเดียว

เมียถูกชายชู้ตีท้ายครัว ก็เจ็บพอแล้ว ยังมาถูกขู่เข็ญคุกคามซ้ำอีก สามีของฝ่ายหญิง เลยล้างแค้น ด้วยการเปิดเผย

2 คดีป๋ายุทธ

สำหรับหมากเกมนี้ คดีป๋ายุทธ ของชายมือที่สาม ก็เลยถือว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างแรง

จากคดีที่ฟ้องศาลกันเงียบๆ ไม่มีใครรู้ ก็เลยตกกลายเป็นข่าวดัง ได้รับรู้กันทั้งประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางคดีอาจจะมีทางรอด ไม่มีค่าใช้จ่ายชดเชย โดยชอบด้วยกฎหมายแพ่ง หากพิสูจน์ได้ว่า สามีภรรยาคู่ปัญหานี้ รู้เห็นเป็นใจกัน ทำเหตุการณ์ขึ้นเอง จน ป๋ายุทธ์ ติดบ่วง

ว่าในประเด็นโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็คือ การจะฟ้องคดีทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายใดๆก็ตาม ตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 1523 เรียกค่าชดเชย จากแฟนปันใจ จะต้องเป็นคู่ที่ จดทะเบียนสมรสกันแล้วเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะโดยพฤตินัย จะแยกบ้านกันอยู่ก็ตาม ยังถือเป็น สามี ภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมาย

ถ้าคู่สมรสประเภทอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่มิได้ลงบัญชีกัน จะไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องตามมาตรา ดังกล่าวได้เลย

จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีการรับรองแน่ชัด ในประเด็นทะเบียนสมรส ว่ามีไหม แต่ก็น่าพิจารณาเช่นกันว่า ผู้ใช้กฎหมาย ระดับ ทนายตั้ม จะมาตายน้ำตื้น พลาดในข้อกำหนดกฎหมายง่าย ๆ อย่างงี้ ก็ยากที่จะมีความเป็นได้

มาถึงข้อความสำคัญที่น่าดึงดูดมากที่สุด อันจะเป็นเหตุทำให้คดีพลิก และก็ เกิดกระแสตีกลับ มีการวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันคือ ป๋ายุทธ คือ เหยื่อของเกมรักใคร่ อันสลับซับซ้อน เป็นไปได้ว่า งานนี้ เป็นแผนการส่งฝ่ายหญิง ไปลวงล่อให้ “ป๋ายุทธ ดอนฮวน แห่ง ชาวสิงห์ดำ” ตกหลุม เพื่อร่วมกันแบล็กเมล์ตบทรัพย์สิน มันจะเป็นได้ไหม หลายท่านกำหนดประเด็นนี้ เพื่อมองดูรอบด้าน

หนึ่งในข้อสงสัย ที่มีต่อ ตัวคู่คู่สมรส เพราะเหตุไร ฝ่ายสามีจึงได้ เข้าถึงภาพลับ แชทลับ ต่าง ๆ ของภรรยาได้ ทั้งที่เมียกำลังจะมีพฤติกรรมทางลับ ที่มิดีมิงาม

เพราะเหตุไร เธอถึงไม่รัดกุม ไม่มีการเข้ารหัสคุ้มครองป้องกันโทรศัพท์มือถือ ที่ตรงนี้จะดูให้เป็นพิรุธ ก็มองดูได้ด้วยเหมือนกัน

ฝ่ายจำเลย อาจใช้ประโยชน์จากความข้องใจ พวกนี้ แปลงตัวเอง ให้เป็นเหยื่อผู้ถูกกลั่นแกล้ง ไปเลย ไม่ใช่นักรักนักล่าไร้หัวใจ อย่างที่ข่าวสารเขาว่าซะหน่อย

3 คดีป๋ายุทธ

แต่การเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์มือถือนั้น จริง ๆ ก็มีสารพัดสารพันวิธีการที่จะ “แฮก” เข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีรหัสป้องกันก็ตาม

ตอนนี้ ความพลาดท่าอย่างแรงของ ป๋ายุทธ ก็คือ สมรภูมิโซเชียล เพราะภาพลับของ นายยงยุทธ เริ่มถูกปลดปล่อยออกมา ว่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ไปแล้ว

อย่างภาพเปลือยเปล่าคู่กัน ที่แม้มองไม่เห็นหน้าฝ่ายชาย แต่ก็เห็นผมสีดอกเลาโดดเด่น เป็นสง่า ก็ไม่สามารถที่จะเป็นผู้ที่สอง หรือ ใครอื่นได้

หรือภาพเปิดหน้าชัด ๆ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ โอบไหล่สาวสวยรุ่นลูก แชะภาพด้วยกันอย่างเผย บางทีก็อาจจะแถว่าเป็นภาพตัดต่อ ก็ว่าได้ แต่ ใครจะเชื่อ? แล้วก็ วันนี้ยังมีภาพหลุด ค่อย ๆ ปล่อยทะยอยออกมา อย่างต่อเนื่อง

การสะสางตัวเอง ในโลกของโซเชียลนั้น นับว่าเป็นงานยาก ถึงยากที่สุด ท่ามกลางภาพลับ ที่น่าจะตามมาอีกเยอะ ที่กำลังจะได้ดู ต่อเนื่อง ทุกวันเป็นอย่างกับหนังซีรี่ย์ เพื่อบีบรัด ป๋ายุทธ ให้ “ดิ้น” ไม่ออก

ยิ่งมีการไปต่อปากต่อคำ กับทนายความตั้ม รวมถึง ตั้งท่า ดึงพรรคเพื่อไทยมาอุ้ม ก็จะยิ่งโดน ทนายความตั้ม “ขยี้” ด้วยเหลี่ยมเชิงตรรกะยอกย้อน ชาวเนต ซึ่ง ส่วนมากยืนข้าง ทนายตั้ม ก็จะรุมสกรัม ป๋ายุทธ ซ้ำกันเข้าไปอีก

บางคราว การยืดอกสารภาพความจริง เหมาะสมที่สุด ผมนี่แหละครับ “ป๋า สปอร์ต ใจดี กทม. โอนไว” แล้วปิดห้องสนทนา เพื่อจ่ายค่าชดเชย ให้กับความรั้นที่ก่อไว้ บางทีอาจเป็นทางออกที่ดีเยี่ยมที่สุด เวลานี้ เชื่อ ในทางพฤตินัย การยุทธ คงสิ้นเสร็จ แล้ว ก็จะได้เสร็จเรื่องกันไป

1 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ ไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาอย่าง XBB.1.5 ทำให้เกิดความไม่ค่อยสบายใจเพราะเหตุว่ามันแพร่ขยายอย่างได้อย่างเร็วทันใจ

นอกเหนือจากในสหรัฐฯ แล้ว การแพร่ระบาด ของ สายพันธุ์ใหม่ นี้ ก็ เริ่ม มี จำนวน มากขึ้น ใน สหราชอาณาจักร เช่นเดียวกัน แล้วพวกเราจำเป็นต้องทราบอะไรบ้างเกี่ยวกับ XBB.1.5 เพื่อเตรียมรับมือกับมัน

2 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5 คืออะไร แล้วก็ลักษณะของมันเป็นอย่างไร

มันเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อยที่แยกตัวมาจากโอมิครอนที่ถือได้ว่าสายพันธุ์หลักของโลกอยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์มาจาก อัลฟา เบตา แกมมา และก็เดลตา ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักมาก่อนหน้านี้

โอมิครอนเป็นเชื้อไวรัสที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าไวรัสวัวโรนาสายประเภทก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทั้งหมดนับจากเริ่มของการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อท้ายปี 2021 และทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยจำนวนมากซึ่งทำให้แพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์ย่อยตัวเดิม

ลักษณะของ XBB.1.5 นั้นมีความเหมือนกับอาการของโอมิครอน แต่ว่าก็ยังเร็วเกินไปที่จะรับรองว่าอาการคล้ายคลึงกันจริงหรือไม่ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อโรคไวรัสสายพันธุ์ย่อยตัวนี้มักมีลักษณะอาการคล้ายเป็นหวัด

XBB.1.5 ติดได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายมากกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าหรือไม่

XBB.1.5 ปรับปรุงมาจาก XBB ซึ่งตรวจพบคราวแรกในประเทศอินเดียในเดือน เดือนสิงหาคม 2022 แม้กระนั้นยังไม่ได้จัดอยู่ในจำพวกที่เรียกว่า “สายพันธุ์ที่น่าวิตก” โดยหน่วยงานด้านสุขภาพ ถัดมาเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือน เดือนกันยายน 2022

XBB มีการกลายพันธุ์ที่ช่วยทำให้เอาชนะภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ แม้กระนั้นคุณคุณลักษณะเดียวกันนี้ยังลดความรู้ความเข้าใจสำหรับในการติดโรคในเซลล์ของคนเราด้วย

ศาสตราจารย์ เว็นดี บาร์เคลย์ จากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน บอกว่า XBB.1.5 มีการกลายพันธุ์ที่รู้จักกันในชื่อ F486P ซึ่งมีความรู้และความเข้าใจสำหรับเพื่อการยึดเกาะกับเซลล์ในตอนที่ยังคงหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ ทำให้แพร่ไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เธอกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวทางด้านพัฒนาการพวกนี้เป็นราวกับก้าวแรกของเส้นทาง เนื่องจากไวรัสมีพัฒนาการเพื่อค้นหาขั้นตอนการใหม่สำหรับเพื่อการหลีกเลี่ยงกลไกการป้องกันตนเองของร่างกาย

นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลก (WHO) รับรองเมื่อ 4 มกราคม ว่า XBB.1.5 มี “การได้เปรียบในการเติบโต” เหนือสายพันธุ์ย่อยอื่นๆทั้งหมดที่พบในตอนนี้

แม้กระนั้นพวกเขาพูดว่าไม่มีข้อชี้ชัดว่ามันร้ายแรงหรือเป็นอันตรายมากยิ่งกว่าสายพันธุ์ย่อยที่ผ่านมาอย่างโอมิครอน

WHO บอกว่าจะติดตามผลการศึกษาเรียนรู้ในห้องปฏิบัติการ ข้อมูลตามโรงหมอ และก็อัตราการรับเชื้ออย่างสนิทสนม เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลพวงที่มีต่อคนป่วย

XBB.1.5 แพร่กระจายไปที่ใดบ้าง

กว่า 40% ของผู้ติดเชื้อโรคโควิดในสหรัฐอเมริกาคาดว่าเกิดจากสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ทำให้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศ

เมื่อต้นเดือน เดือนธันวาคม 2022 ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 มีสัดส่วนเพียง 4% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งทำให้ในขณะนี้ XBB.1.5 ได้แซงหน้าโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆอย่างรวดเร็วทันใจ

การเข้ารับการรักษาในโรงหมอของผู้เจ็บป่วยโควิดมากขึ้นในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาทั่วสหรัฐอเมริกา

ที่ทำการความมั่นคงและยั่งยืนด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) มีกำหนดจะออกรายงานเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่แพร่ในสหราชอาณาจักรในสัปดาห์หน้า แล้วก็อาจมีการเอ๋ยถึงสายพันธุ์ XBB.1.5

3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.5

สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรได้หรือไม่

ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ก็มีความเป็นไปได้

สหราชอาณาจักรเกิดการแพร่ระบาดของโอมิครอน 5 ระลอกในปี 2022 และก็การเพิ่มขึ้นของปริมาณคนไข้เป็นสิ่งที่หลบหลีกไม่ได้

ตัวเลขผู้ป่วยรายสัปดาห์จนถึงวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม จาก Sanger Institute หรือสถานบันแซงเกอร์ ในเคมบริดจ์ชี้ให้เห็นว่า 1 ใน 25 ของคนเจ็บโควิดในสหราชอาณาจักรเป็น XBB.1.5

แต่ข้อมูลนั้นมาจากตัวอย่างเพียงเก้าตัวอย่าง โดยเหตุนั้นคงต้องคอยอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์เพื่อเห็นภาพที่ชัดขึ้นว่าการแพร่ระบาดจะเป็นอย่างไร

ศาสตรจารย์บาร์เคลย์กล่าวว่า เธอคาดว่าจะมีผู้เข้ารับการดูแลและรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร หากสายพันธุ์ย่อยเริ่มแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร “ดังที่พวกเราคาดไว้”

ศ.จ.พอล ฮันเตอร์ จาก University of East Anglia หรือมหาวิทยาลัยที่อีสต์อังเกลีย กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ที่ XBB.1.5 จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกแรกในสิ้นเดือนนี้ แต่ว่าเราไม่สามารถที่จะมั่นใจได้”

นักวิทยาศาสตร์กังวลเกี่ยวกับ XBB.1.5 หรือไม่

ศ.จ.บาร์เคลย์บอกว่า เธอไม่ได้ไม่ค่อยสบายใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับประชากรทั่วๆไปของสหราชอาณาจักร เนื่องด้วยไม่มี “สัญญาณชี้” ว่า XBB.1.5 จะ “ทะลุ” เกราะป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงที่ผู้คนได้รับจากวัคซีนกันไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว

แม้กระนั้นเธอตื่นตระหนกเกี่ยวกับผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง ศูนย์รวมถึงคนที่มีสภาวะภูมิต้านทานบกพร่อง ซึ่งอาจมีเกราะป้องกันที่บางทีก็อาจจะน้อยกว่าจจากการได้รับวัคซีนโควิด

ศาสตราจารย์ฮันเตอร์บอกว่า เขาไม่เห็นหลักฐานว่า XBB.1.5 มีความร้ายแรงมากยิ่งกว่า ซึ่งมีความหมายว่าบางทีก็อาจจะไม่ “ทำให้คุณจำต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงหมอหรือฆ่าคุณ” มากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนที่มีอยู่

“เกิดเรื่องน่าตลกที่ทุกคนมุ่งความพอใจไปที่สายพันธุ์ย่อยที่เป็นได้ว่าจะเกิดขึ้นจากจีน แต่ว่าแท้จริงแล้ว XBB.1.5 มาจากสหรัฐฯ” เขากล่าวเสริม

ศ.จ.เดวิด เฮย์มันน์ จาก London School of Hygiene and Tropical Medicine ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านสุขอนามัยรวมทั้งเวชศาสตร์เขตร้อนในลอนดอน เห็นด้วยว่ายังต้องอาศัยเวลาอีกพอควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยตัวล่าสุดนี้

แม้กระนั้นเขากล่าวว่าไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในประเทศอย่างอังกฤษ ซึ่งมีการฉีดวัคซีนในชั้นสูงรวมทั้งการได้รับเชื้อของประชากรมาก่อนหน้านี้

ความรู้สึกกลุ้มใจของเขาคือประเทศต่างๆยกตัวอย่างเช่น จีน ซึ่งมีทั้งยังจำนวนผู้รับวัคซีนที่น้อยและภูมิต้านทานตามธรรมชาติยังไม่มากพอ อันสืบเนื่องมาจากการปิดประเทศที่กินเวลา

“จีนจำเป็นที่จะต้องแบ่งปันข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับคนที่ติดเชื้อโรคเพื่อดูว่าโควิดสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้มีความประพฤติอย่างไรในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน” ศาสตราจารย์เฮย์มันน์กล่าว