Category ข่าววันนี้

1 ความปลอดภัยไซเบอร์

เจาะลึกความท้าทายใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023 ที่องค์กรต้องรู้

Trend Micro เปิดความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ ปี 2023 พร้อมชี้ Cybersecurity จะเป็นกลจักรสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กระบวนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) เติบโตอย่างรวดเร็วเยอะขึ้น ธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ สำหรับเพื่อการช่วยพัฒนาธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งนำข้อมูล มาวิเคราะห์เพื่อช่วยเหลือการตลาด และก็ เข้าใจลูกค้าเยอะขึ้น

ในช่วงเวลาที่ลักษณะการทำงานของคน ถูกแปรไปเป็นแบบรีโมทมากเพิ่มขึ้น (Remote Working) ส่งผลให้ องค์กรทุกขนาด ต้องปรับตัวกำหนดแผนการทำงานผ่าน คลาวด์ (Cloud) มากขึ้นเรื่อยๆ

นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทศึกษาค้นคว้า รวมทั้ง วิเคราะห์ข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นหนึ่งของโลก กล่าวว่า ในปี 2025 องค์กรทั่วทั้งโลก จะใช้จ่ายกับคลาวด์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 20.4% ขณะที่ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 36.6%

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าไปสู่การใช้คลาวด์ ทำให้ระบบ Security เข้ามามีหน้าที่เยอะขึ้น ด้วยเหตุว่า องค์กรต่างต้องรักษาข้อมูล (Data) ซึ่ง เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ ให้ไม่มีอันตราย

“เพราะฉะนั้นองค์กรที่ย้ายไปใช้คลาวด์ จะต้องวางแผนและดึงเรื่อง Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะต้องวางรากฐานด้านความปลอดภัยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น”

2 ความปลอดภัยไซเบอร์

เตรียมรับมือ ความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ Security ในปี 2023

ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่คลาวด์นั้น ยังมีความท้าทายจากพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น การย้ายระบบต่าง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์บริษัท (On Premise) ขึ้นไปใช้บนคลาวด์ การตั้งค่าต่าง ๆ บนคลาวด์ให้ Compile ตามมาตรฐานสากล GDPR ของสหภาพยุโรป แล้วก็ PDPA ของไทย รวมทั้งการศึกษาวัสดุ (Tools) ต่าง ๆ จากคลาวด์หลาย ๆ รายพร้อม ช่วงเวลาเดียวกันยังต้องต่อกรกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2023 ซึ่ง ทาง Trend Micro ได้คาดหมายไว้ ดังต่อไปนี้

การนำ Tools ใหม่ ที่ไม่สอดคล้องกันมาใช้ จะเกิดโทษต่อองค์กร – ในตอน 3 ปีให้หลัง เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามาใช้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ ผู้บริหาร หรือ พนักงาน ยังไม่คุ้นเคยกับระบบต่าง ๆ ทำให้ไม่มีความรู้ ด้านการบริหารข้อมูล

Ransomware จะต่อกรยากขึ้น – การโจมตีจะถูกเปลี่ยนแปลงจากการจู่โจมที่จุดเดียว เป็นการโจมตีแบบ Series หรือ กระจายกำลังโจมตีหลายจุด ทำให้องค์กรรับมือได้ยากขึ้น รวมทั้ง การโจมตี จะไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานอีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจ หรือ ransomware-as-a-service ซึ่ง ถ้าประธาน และก็ ผู้ใช้ไม่มีความรู้ จะถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น

ขอบเขตขององค์กร (Enterprise Perimeter) คือ ทุกแห่ง – การจะเดินหน้าธุรกิจ องค์กรจะต้องรองรับการทำงาน แบบ Hybrid ซึ่ง การวางรากฐานให้ปฏิบัติงานจากที่ใดก็ได้นั้น จะมีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นในอนาคต เวลาเดียวกันจำเป็นจะต้องคุ้มครองป้องกันการจู่โจม ที่เกิดจากการทำงานแบบรีโมท ด้วยเช่นกัน

ภัยรุกรามทางด้านสังคม (Social Engineering) จะปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้ง – การคดโกงบนโซเชียลมีเดีย มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่ผ่านมานั้นมีทั้งการส่งข้อความ โทรศัพท์มาปลอมตัว ว่าเป็นคนรู้จักกัน ซึ่ง คนเหล่านี้ได้มอนิเตอร์พฤติกรรม แล้วก็ เลือกหลอกเงิน ในปริมาณซึ่งสามารถให้ได้ ซึ่งภัยรุกรามรูปแบบนี้ Trend Micro ได้รอเตือนผู้ใช้อยู่เป็นประจำ ในช่วงเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา

ช่องโหว่ (Vulnerabilities) จากโปรแกรม จะตกเป็นเป้าโจมตี – การย้ายข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นสู่คลาวด์ หลายองค์กรชอบเลือกใช้โปรแกรม ที่เป็น Open – source มากขึ้น โดยมิได้คิดถึงความปลอดภัย จากช่องโหว่ของโปรแกรม

โรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) จะตกเป็นเป้ามากขึ้นเรื่อยๆ – อุตสาหกรรมในยุค 4.0 นั้น ใช้ระบบออโตเมชัน แล้วก็ ระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาควบคุมการทำงานเป็นหลัก การทำงานในโรงงาน จึงไม่ใช่ระบบปิดอีกต่อไป สามารถถูกจู่โจมจนกระทั่งสายการสร้างหยุดทำงานได้เช่นกัน จากเทรนด์ดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว จะเห็นว่า

Cybersecurity เข้ามามีบทบาทเยอะขึ้น ทำให้เกิดความโปร่งสบายใสสำหรับเพื่อการทำธุรกิจ และ ยังสามารถวิเคราะห์ คาดหมาย ว่าองค์กรจำเป็นจะต้องต่อกรกับอะไรในอนาคต แล้วก็ จะปกป้องตัวเองอย่างไร

3 ความปลอดภัยไซเบอร์

Cybersecurity ขับเคลื่อนผ่าน People, Process แล้วก็ Technology

จากความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Security ในปี 2023 องค์กรจำเป็นต้องต่อกรอย่างหลบหลีกมิได้ เนื่องจากว่าการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยข้อมูลนั้น ขยายตัวเยอะขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ทั้งผลประกอบการ กลยุทธ์ และก็ เมื่อข้อมูลเป็นขุมทรัพย์ที่สำคัญ ขององค์กร ซึ่งถ้าหากว่าถูกโจมตี จนเสียหาย จะทำให้ลูกค้าขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเอง ขณะเดียวกันคู่แข่งขันก็อาจจะใช้โอกาสนี้ ในการจัดแคมเปญเพื่อเอาชนะในทางธุรกิจ

ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรก็เลยต้องให้ความใส่ใจกับ 3 ส่วน ดังนี้

People – เพราะ ปัจจัยของการถูกโจมตีส่วนมากนั้น มาจากการขาดวิชาความรู้ แล้วก็ ลักษณะการโจมตี มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา องค์กรควรให้ความสำคัญกับการสร้าง ความตระหนักรู้ ด้าน Cybersecurity กับบุคลากร อย่างต่อเนื่อง เพื่อ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ในระยะยาว

Process – ปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี เพื่อไปสู่วัตถุประสงค์องค์กร ตอนนี้คนทำงานได้จากทุกๆที่ องค์กรจะต้องพร้อมในการตระเตรียมอุปกรณ์ ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ แปลงระบบ Manual ต่าง ๆ ให้เป็น Automation มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อความรวดเร็ว และ ลดความยุ่งยาก ของการเดินเอกสาร

Technology – วางส่วนประกอบเบื้องต้นทางด้านเทคโนโลยี ให้มีความพร้อมเพรียง ด้านการรักษาความปลอดภัย โดยยิ่งไปกว่านั้นองค์กรที่ย้ายข้อมูลขึ้นไปบนคลาวด์ จะต้องสร้างความแข็งแรง เลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาส่งเสริมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่มีทิศทาง การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต สามารถเปิด API รองรับกับคลาวด์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการมีกลุ่มส่งเสริมที่แข็งแรง

Cybersecurity Platform หัวใจหลัก ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Trend Micro

อย่างไรก็ตาม Trend Micro มีเป้าหมายเด่นชัดในการสร้าง Cybersecurity Platform ผ่านการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า มากกว่าแค่ขายโซลูชัน เนื่องจากต้องการบูรณาการ องค์ประกอบเบื้องต้นของลูกค้าทั้งระบบ ให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบภัยคุกคาม เพื่อป้องกันเชิงรุกได้ (Threat Hunting) รวมถึงการโต้ตอบต่อภัยคุกคามอย่างทันการ (Incident Response) ซึ่ง เป็นข้อดีของผลิตภัณฑ์

ด้านการให้ความรู้ บริษัทออกแบบเทรนนิ่ง ให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นหลักสูตรสำหรับ C Level , Operation, IT และ End User แยกจากกัน ด้วยเหตุว่า รูปแบบการถูกโจมตีของพนักงานแต่ละระดับนั้น แตกต่าง ถ้าเกิดผู้ใช้เพียงผู้เดียวในบริษัทที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ก็อาจส่งผลให้องค์กรถูกจู่โจมจนเสียหายทั้งบริษัทได้

ช่วงเวลาเดียวกัน Trend Micro มีผู้สนับสนุนระดับนานาชาติ ทั้ง AWS, Google และก็ Microsoft แล้วก็ สิ่งสำคัญสุดท้ายคือ Trend Micro มีกลุ่มสนับสนุนที่แข็งแรง มีคนที่มีความรู้และมีความเข้าใจ ความเชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ในประเทศไทย แล้วก็ผ่านการดูแลลูกค้าคนประเทศไทยมามากยิ่งกว่า 18 ปี

ทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ธนาคาร รวมทั้งภาครัฐ ฉะนั้น การมีพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่มั่นคงแข็งแรง จะก่อให้องค์กรสามารถปกป้องข้อมูล ไม่ให้หลุดออกไปภายนอก และ ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย

รอวอไม่ขอเผด็จการ

ครูเสี้ยมเด็กบูลลี่ “ป๋าเปรม” ทำ “บิ๊กตู่” เดือด! ลั่นใช้ กม.เอาผิดทั้งหมด “เพจ 3 นิ้วเด็ก” อ้างเสรีภาพในห้องเรียน

ลามถึงเด็กนักเรียน! คุณครูเสี้ยมเด็กบูลลี่ “ป๋าเปรม” เหตุ “บิ๊กตู่” สั่งเฉียบใช้ กม.จัดการกับคนที่สร้างความแตกแยก เอาผิดทั้งหมด “เพจ 3 นิ้ว” อ้างเสรีภาพในห้องเรียน “ทูตนริศโรจน์” ชี้ “อคติ-มองมิติเดียว” ผิดจรรยาบรรณ “ครู”

จากกรณีเด็กนักเรียนถ่ายคลิปครูสาวโรงเรียนดังใน กรุงเทพมหานครขณะสอนวิชาสังคมศึกษาได้ใช้คำพูดในลักษณะด้อยค่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากถึงความไม่เหมาะสม

วันที่ 22 ธ.ค. นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือทางด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ด้านสังคมออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Nopadol Prompasit หลายครั้งเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ใจความโดยรวมสรุปได้ว่า ได้เดินทางไปโรงเรียนดังกล่าว และเรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานครเขต 2 เร่งตรวจสอบประเด็นนี้โดยด่วน พร้อมกล่าวว่า เด็กนักเรียนที่ถ่ายคลิปครูสาว bully ป๋าเปรม กำลังโดนขู่คุกคามอย่างหนัก

“เหตุการณ์ในคลิป (ครูสาว bully ป๋าเปรมให้นักเรียนฟัง) เกิดขึ้นวันอังคารที่ 20 ธันวาคม ในวิชาสังคมศึกษา

จากการขุดประวัติครูสาวคนนี้ ยังมีพฤติกรรมที่จาบจ้วงสถาบันอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใส่ชุดข้อมูลผิดๆ ใส่หัวเด็กนักเรียนมาแบบนี้ตลอด

“ช่วยกัน Save น้องนักเรียนที่ถ่ายคลิปครูสาว น้องมีความกล้าหาญมาก ที่ถ่ายคลิปนำออกเผยแพร่สู่สาธารณชน มิฉะนั้น สังคมจะไม่มีวันรู้เลยว่า ครูคนนี้ล้างสมองเด็กนักเรียนด้วยข้อมูลผิดๆ มานานมากแล้ว

“ได้โทร.คุยกับเด็กที่ถ่ายคลิป ตอนนี้น้องมีความกลัวมาก เพราะเด็กสามกีบในห้องที่เป็นบริวารครู ขู่จะมารุมทำร้ายน้อง” นายนพดล ระบุ

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ได้แชร์ข่าวครูสอนเด็กพาดพิงในเชิงบูลลี่ “ป๋าเปรม” พร้อมข้อความระบุว่า “ยับแน่ยับ น้องคนถ่ายคลิปกำลังโดนล่าแม่มด”

ก่อนหน้านี้ The METTAD โพสต์ข้อความว่า “ถ้าไม่ได้ พล.อ.เปรม ช่วยไว้ พวกมึงก็อดตายในป่า ไม่ก็ไปโดนชนกลุ่มน้อย สอยเอาแถวตะเข็บชายแดนนั่นล่ะ เขาให้โอกาสแล้วยังเนรคุณ”

บิ๊กตู่ สั่งใช้ กฎหมาย

บิ๊กตู่ สั่งใช้ กฎหมายจัดการกับคนที่สร้างความแตกแยก

เวลาเดียวกัน วันที่ 22 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วก็ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 12/2565 ว่า “ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สมัครสมานสามัคคี อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือทำให้สังคมวุ่นวาย ทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมดทุกประการ ก็ไปสู้คดีกันเอาเอง ฉะนั้น ผมสั่งในฐานะที่ไม่ได้บังคับใคร สั่งให้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกกรณีทั้งสิ้น ไม่ว่าการจะบูลลี่กันในโรงเรียน เอาคนเข้าไปในโรงเรียนหรือในสถานศึกษา ต่อไปนี้มีความผิดทั้งหมด ไปหากฎหมายดำเนินการให้ได้ทั้งหมด ทั้งผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา ครู อาจารย์ ทั้งหมดโดนหมด ไม่เช่นนั้นไม่หยุด บ้านเมืองจะอยู่กันได้อย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี้คือความสุขให้กับคนบริสุทธิ์ คนที่เขาทำความดีไม่อยากมีความขัดแย้ง ฉะนั้น ไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะใครทั้งสิ้นถ้าทำเข้าคดี ผิดกฎหมาย ต้องดำเนินการทั้งหมดโดยทันที จะกี่คดีก็ต้องดำเนินการ อันนี้แจ้งเตือนไว้ก่อน สื่อโซเชียลโดนด้วยทั้งหมด”

ด้านเพจเฟซบุ๊กชื่อ Rw Democracy รอวอไม่ขอเผด็จการ แนวร่วมม็อบสามนิ้ว โพสต์แถลงการณ์จากรอวอไม่ขอเผด็จการ (กลุ่มนักเรียนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย) เรื่อง ห้องเรียนควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย บอกว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีการนำเสนอข่าวครูในโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ว่า มีการปลูกฝังบิดเบือนให้ร้ายต่อบุคคลสำคัญของไทย ทางรอวอไม่ขอเผด็จการเห็นว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวทำให้เกิดปรากฏการณ์ล่าแม่มดในวงกว้าง และส่งผลต่อความปลอดภัยของคุณครูผู้สอน

รอวอไม่ขอเผด็จการเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุยถกเถียงในประเด็นต่างๆ รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่หากบรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ก็จะส่งผลให้การเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นไปอย่างไร้ประสิทธิภาพ

ดังนั้น ทางรอวอไม่ขอเผด็จการจึงขอเรียกร้องให้พื้นที่ในห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการจัดการเรียนการสอน เพื่อเปิดกว้างต่อความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายในห้องเรียน และเป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดความงอกงามทางสติปัญญาของเยาวชนในสังคม

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล

ด้าน นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทยในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า

การ bully คนอื่น โดยเฉพาะคนที่เคยทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ไม่ควรเกิดในพื้นที่ ที่อ้างว่าเป็น safe zone เพราะนั่นเท่ากับการเสี้ยมให้เด็กหัด bully ผู้อื่นถึงในห้องเรียน อย่าเบี่ยงประเด็น !!!!

ครูที่ bully พล.อ. เปรม ไม่ได้มองคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่ พล.อ. เปรม ทำไว้กับแผ่นดินนี้เลย !

พฤติกรรมการเสี้ยมเด็กด้วยมุมมอง ที่เต็มไปด้วยอคติ แล้วก็เป็นมิติด้านเดียวของตนเองเยี่ยงนี้ ผิดจริยธรรม และก็จรรยาบรรณ ของการเป็น “ครู” อย่างยิ่ง !!!

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การทำ “สงครามทางความคิด” เพื่อเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง ของคนบางกลุ่ม กำลังรุกคืบเข้าไปในโรงเรียน อย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามทางความคิด ที่นำไปสู่ การต่อต้านสถาบันหลัก ของประเทศ บุคคลสำคัญ ของประเทศ และขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ของประเทศ สร้างความขัดแย้ง ระหว่างความคิดแบบเก่า กับความคิดแบบใหม่ บนพื้นฐาน ที่คนส่วนใหญ่ ของประเทศ ยังเชื่อมั่น ในความดีงาม และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง

โดยเหตุนี้ จึงเท่ากับ เป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยก โดยปริยาย ที่สำคัญ การเน้นกลุ่มเป้าหมาย ที่ยังเป็นเด็ก ยังเท่ากับเป็นการ “ล้างสมอง” ดีๆ นี่เอง เนื่องจากเด็กย่อมไม่มีภูมิคุ้มกัน ทางความคิด และทางด้านการเมืองในระดับประเทศเลยแม้แต่น้อย

ทางที่ดี หากจะใช้พื้นที่ห้องเรียนเสริมสร้างประชาธิปไตย แล้วก็เสรีภาพทางความคิด ควรหาประเด็น ที่เหมาะสมกับวัยและความคิดความอ่านจะดีหรือไม่

หรือหวังผลเร่งด่วนอะไร ที่แทบจะไม่สนใจว่า ผลกระทบ ที่เกิดกับเด็ก จะเป็นยังไง สร้างความเสียหายมากแค่ไหน ขอเพียงแค่ให้ได้ประโยชน์เฉพาะหน้า และผลประโยชน์ทางด้านการเมือง ก็พอแล้ว!?

1 แมทธิว ดีน

“แมทธิว ดีน” ไม่รู้จะสอนยังไง! “น้องเดมี่” หยิก “ใหม่ ดาวิกา” ด้าน “ลีเดีย” น้อยใจ ถูกด่าไม่สอนลูก

“แมทธิว ดีน” เผย “น้องเดมี่” หยุม “ใหม่ ดาวิกา” หลายรอบ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน กลายเป็นมีมไปทั่ว รับถูกคนต่อว่าไม่สอนลูก จนกระทั่ง “ลีเดีย” รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ยันสอนลูกไม่ให้รังแกใคร ส่วนที่หยิกใหม่ เจ้าตัวน่าจะคาดว่าเป็นไฝแค่นั้น ลั่นตัวจริงแสบมากมาย

เป็นทั้งตำนาน และ เปลี่ยนเป็นมีม สำหรับกรณีที่ “น้องเดมี่” บุตรสาว “แมทธิว – ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” เอื้อมมือไปหยิก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”

รวมทั้ง ขี่คอ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” แม้ว่าจะกลายเป็น ภาพฮา ๆ ทั่วโซเชียล

แต่ก็มีคนเข้าไปต่อว่า พ่อ แม่ ว่าทำไมไม่สอนลูก งานนี้หนุ่มแมทธิว เลยขออธิบาย ในงาน ThaiHealth Watch 2023 สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การ สำหรับในการเลิกบุหรี่

2 แมทธิว ดีน

แมทธิว ดีน บอกว่า เราก็เปิดภาพให้เขาดู แต่เขาอาจจำไม่ได้เลยด้วย

“เป็นประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ ผมมาเห็นภาพทีหลังแล้ว ว่าเดมี่ทำอะไรลงไป หยุมพี่ใหม่ แล้วหลายรอบเลยด้วย ในเหตุการณ์คือ ผมอุ้มเดมี่อยู่ แล้วใหม่ก็อยู่ใกล้ ๆ ตอนนั้นก็เห็นว่า เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว แต่เราถ่ายรูปอยู่ ก็ยิ้มสู้กล้องไว้ก่อน เดมี่ก็ขยับเยอะ ใหม่ก็ขยับ เลยหันไปมอง ก็บอก เดมี่ใจเย็น ๆ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน แต่ผมก็เข้าใจว่า หยิกไฝ

เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็หยิกคอผม ที่มันน่าจะมีไฝ หรือ มีอะไรอยู่ แล้วใหม่ก็บอก เขาเองก็มีไฝอยู่ตรงนั้น เลยคิดว่าน่าจะใช่ คงไม่ได้หมั่นขนาดนั้นหรอก

เด็กยังโตไม่พอ ที่จะเข้าใจอารมณ์ตรงนั้น น่าจะเป็นการหยิกไฝใหม่ ฟีลแบบว่า อยากจะหยิกออกให้ อาจจะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์รึเปล่า เขาอยู่ในวัยสงสัย เห็นใครมีรอยข่วนที่มือ ก็จะสงสัยว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะตามจะสงสัย

ซึ่งผมเองก็ได้เปิดภาพให้เขาได้ดู แต่เขาก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไป เพราะมันผ่านไปแล้ว ก็คุย ๆ กัน ถามเขาว่าวันนั้น เดมี่ หยิก พี่ใหม่ เหรอ เขาก็จะตอบกวน ๆ ตามสไตล์ เดมี่หยิกพี่ใหม่ ส่วนเรื่องแซวลูก ว่าหยิกพี่ใหม่เพราะสวยกว่า แซวเล่นกันในครอบครัว เดียเขาก็คุยกับใหม่อยู่ ใหม่เป็นคนบอกเองว่าน่าจะเป็นไฝ” รับถูกติเตียนเหมือนกัน ว่าไม่สอนลูก ปล่อยให้หยิก ผู้อื่น ไปทั่ว ยันสอนลูกตลอด ไม่ให้รังแกใคร

“ส่วนที่เขาเพิ่งไปฉีดยามา อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฮาเหมือนกัน ถ้าได้ดูวิดีโอ จะเห็นใหม่ทำหน้า… แต่ก็ขอสู้ก่อน สักพักเริ่มเจ็บแล้ว เดมี่ก็ตลก เด็กวัยนี้ทำอะไรแปลก ๆ เยอะ ทำอะไรก็น่ารักครับ แต่ถ้าโตกว่านี้ ก็อาจจะไม่น่ารักแล้ว อาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันยังไง ก็มีคนแซวเหมือนกัน ว่าทำไมไม่สอนลูก ปล่อยให้ไปหยิกคนอื่น เขาเป็นเด็กแหละ ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น

คือ ส่วนตัวผมคิดว่า เขาอาจจะแค่รู้สึกเจ็บ ตรงที่เขาไปฉีดวัคซีนมา เขาคงจะพยายามดึงออก เพราะคิดว่ามันเป็นสติ๊กเกอร์

คอมเมนต์อีกมุมก็มีบ้าง ไม่เยอะ ไม่รู้จะสอนยังไงครับ มันเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนจะคิดไปในแนวนั้นได้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่ก็เข้าใจว่า บางคนอาจจะเป็นแฟนคลับของใหม่ อาจจะไม่อยากให้ เดมี่ ไปทำพี่ใหม่เจ็บ ก็บอกตรง ๆ นะ แน่นอนเลยว่าลูกเราทั้งสองคน เราสอนแน่นอนว่า ไม่ให้เขาไปทำร้ายใคร แม้แต่สัตว์ เราก็ไม่ให้เขาทำ ตีแมงมุม ตีแมลงสาบ เราก็ไม่ให้ทำ

เราสอนให้เขาเคารพชีวิตคนอื่น รวมไปถึงสัตว์ด้วย เดมี่ คงไม่ได้อยากจะทำให้ใหม่เจ็บหรอก บางคนอาจจะพิมพ์แหย่มาเล่น ๆ ให้เรามีรีแอ็คชั่นกลับไป ก็ได้สนใจ แต่เดียจะรู้สึกมากกว่าผม เขาก็มาคุย ว่ามันมีคนคิดแบบนี้นะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นส่วนน้อย ไม่เป็นไรหรอก 99% คนเข้าใจ ว่า เดมี่ เล่น เขาก็จะน้อยใจ ว่าทำไมมาว่าเดมี่”

ยันติว เดมี่ ก่อนออกงานแล้วนะ

“นี่ก็ติวเข้มก่อนออกมาแล้ว(หัวเราะ) เดมี่ อยู่ดี ๆ นะ อย่าไปวิ่งเล่น ซน ไปยกกระโปรงที่ไหน ไม่ได้นะ ต้องอยู่ในความสำรวม เราเป็นผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าครับเด็ก มันก็มีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เดมี่ เคยเจอใหม่น่าจะประมาณ 3 ปี ก็แซวกัน น่ารักดี แล้วใหม่นี่เป็นเฟิร์สคิส ของดีแลนเลยนะ สมัยนั้นยังไม่มี โควิด-19 ก็ทักทายกัน จุ๊บนิดนึง น่าอิจฉา”

ขำ ๆ สร้างตำนาน ขี่คอใบเฟิร์น พิมพ์ชนก บอกลูกถูกใจสตรีสวย

“น่าจะเป็นวันที่เราไปถ่ายงานที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน แล้วรู้จักกับทีมงานของใบเฟิร์นอยู่แล้ว ก็เลยแวะไปเดินเล่น เที่ยว และ ถ่ายรูปกัน เดมี่ช่วงหลังเขาค่อนข้างเจอคนเยอะ เขาจะเฟรนด์ลี่พอสมควร ดีแลนจะขี้อาย เจอใครก็จะยิ้ม ๆ ไม่เล่นด้วย เดมี่ เขาชอบผู้หญิงสวย ๆ ชอบอะไรที่เป็นเพชร ๆ ประกาย ผู้หญิงนะ

เวลาไปงานมิสแกรนด์ ผมเป็นพิธีกร เขาก็จะอยู่หลังเวที แล้วเขายืนมองนางงามสวย ๆ ดีแลน คือวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย ก็เข้าใจว่าผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้ ทาเล็บ ทำผมสวย ๆ เขาจะชอบเวลาอยู่บ้านก็จะเล่นแตกต่างจากผู้ชายหน่อย ดีแลน จะเป็นรถ ไดโนเสาร์ เดมี่ จะรักสวยรักงาม อาจจะอยู่กับแม่เขาเยอะด้วย แม่เขาทำผิว ทำผม ทำหน้า เขาก็จะเป็นแบบนั้น ตลกดี”

3 แมทธิว ดีน

รับตัวจริงแสบมากมาย

“ส่วนที่มองว่ากลายเป็นตำนาน เข้าใจว่า หลายคนอาจจะเห็นในสื่อว่าเขาดูน่ารัก แต่เวลาอยู่บ้านเขากวนมาก แบบเป็นเด็กผู้หญิงนะ แสบอยู่ ไม่ธรรมดา (ลีเดีย บอกแสบกว่า ดีแลน 2 เท่า?) ดีแลน ว่ากวนแล้วนะ เดมี่ คือเป็นอีกแบบหนึ่ง กวนแบบหน้านิ่ง รู้ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่า ใครโกรธ เท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นหญิงคนเดียวในบ้าน ก็จะยอม ๆ หน่อย ดีแลน ก็ตีจนร้องไห้แหละโดยไม่รู้ตัว คือเรียก ดีแลน พี่แหละ แต่ตีแรง ดีแลน ก็ไปร้องไห้ แต่ก็ไม่โกรธน้อง เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ดูที่เจตนามากกว่า เราก็พยายามสอน ให้เขาขอโทษ และ ให้อภัยกัน

ถ้าถามว่าได้ใครมา ก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่ดี มักจะมาอยู่ที่ผม แต่ เวลาน่ารักเป็นแม่ ตามสไตล์ สนุกครับช่วงนี้ จะพยายามหากิจกรรม รวมไปถึง ดีออน ที่ยังเด็กมาก ตอนนี้น่าจะ 2 เดือน เริ่มขยับตัวได้ คิ้วเริ่มขึ้นแล้ว

แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ตรงที่ว่า 2 คนก็คือโตแล้ว ส่วนคนนี้ก็เล็กก็เลี้ยงแยกกัน บางทีออกไปทำงานเยอะ ก็กลัวเรื่องการเป็นหวัด แต่ 2 พี่เขาอยากจะมีส่วนร่วมมาก ชอบที่จะไปเลี้ยง ช่วยแต่งตัว อาบน้ำ เดมี่ ชอบเลยเป็นสไตล์เจ๊”

1 หมอโอ๋

เผยข้อมูล "หมอโอ๋" ทำธุรกิจร่วมกับน้องชาย "อั้ม ภูมิพัฒน์" หนึ่งบริษัท

MGR Online – เปิดเผยข้อมูลบริษัทที่ หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เป็นกรรมการร่วมกับน้องชาย อั้ม ภูมิพัฒน์ สามี แยม ธมลพรรณ์ ที่ถูกฟ้องฟอกเงินเอี่ยวเว็บพนัน – หนังโป้หนังผู้ใหญ่

หลังเจ้าตัวอ้างถึงว่า ไม่รู้เรื่องธุรกิจ และ ไม่ใช่เรื่องของตน เจอเป็นที่ตั้ง คลีนิคเสริมความงดงาม เขต โยธินพัฒนา

วันนี้ (18 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม สนธิกำลังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) จับกุมตัว นาย ภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ อายุ 38 ปี และก็ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี อดีตนักแสดง ภรรยานายภูมิพัฒน์ ที่บ้านพัก

หลังสืบทราบดีว่า เป็นเครือข่าย ลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ ทายผลบอลโลก และก็ คลิปลามกอนาจาร เจอของกลาง รถซูเปอร์คาร์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์เคลื่อนที่ 18 เครื่อง เงินสด 42 ล้านบาท ที่พักหรู รวมมูลค่า สินทรัพย์กว่า 700 ล้านบาท

2 หมอโอ๋

ย้อนรอย “แยม ธมลพรรณ์” อดีตผู้แสดงสาว ทรัพย์สิน 22 ล้าน ไหม้ที่เกาะกูด โดนจับ พร้อมสามี คดีฟอกเงินเว็บไซต์พนัน

ถัดมา พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ “หมอโอ๋” กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น แผนกแพทยศาสตร์รามาธิบดี

ผู้ครอบครองเพจชื่อดัง “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ซึ่ง เป็นพี่สาว นายภูมิพัฒน์ โพสต์ข้อความอธิบายว่า บ้านมีฐานะพอเหมาะพอควร พ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน

น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ มีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อย ๆ ทราบดีว่าน้องนำเงินไปลงหุ้น รวมทั้ง เหรียญคริปโตฯ ในตอนเจริญก้าวหน้า

จนมีรายได้มากมาย อีกทั้ง มิได้ทราบเรื่องเนื้อหาของงาน ที่ลูกพี่ลูกน้องแต่ละคนทำนัก ไม่เคยรู้เรื่องธุรกิจ ที่เป็นข่าว ยืนยันว่าตน แล้วก็ครอบครัว มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เป็นข่าว และ ไม่ใช่เรื่องของตน

“บ้านเราเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร คุณพ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เราไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อมูลที่หมอทราบ น้องนำเงินไปลงหุ้นและเหรียญคริปโต ในช่วงรุ่งเรืองจนมีรายได้มาก

“บ้านเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่พอเราโตกันเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง เราไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงานที่แต่ละคนทำนัก (และถ้าเรื่องนี้เป็นจริง น้องก็คงไม่ได้อยากให้รับรู้อะไรนัก)” พญ.จิราภรณ์ระบุ

3 หมอโอ๋

“หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสืบค้นข้อมูลที่ได้รับมาจากกรมพัฒนาธุรกิจกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า พญ.จิราภรณ์ หรือแพทย์โอ๋ กับ นายภูมิพัฒน์ หรือ อั้ม ซึ่งเป็นน้องชาย มีชื่อกรรมการบริษัทด้วยกัน 1 แห่ง คือ บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด ลงบัญชีก่อตั้ง เมื่อวันที่ 9 เดือนสิงหาคม 2556 ทุนสำหรับจดทะเบียน 3 ล้านบาท

วัตถุประสงค์ ตอนลงบัญชี ประกอบกิจการประมูล เพื่อรับจ้างทำของ ตามเป้าหมายทั้งหมด ให้แก่บุคคล คณะบุคคลนิติบุคคล ส่วนราชการ

จุดมุ่งหมายที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ให้บริการเสริมความสวย ที่ตั้งสำนักงาน แห่งใหญ่ 249 ซอยโยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

มีกรรมการบริษัท 5 คน

เป็นต้นว่า นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นางจิราภรณ์ อรุณากูร, นางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา และนายกิดากร กิระนันทวัฒน์ กรรมการลงชื่อผูกพัน มีนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ สามในสี่คนลงลายมือชื่อร่วมกัน

รวมทั้ง ประทับตราสำคัญ ของบริษัท ปีงบการเงิน 2564 มีสินทรัพย์ รวม 25,877,727.14 บาท หนี้รวม 15,744,807.68 บาท มีรายได้รวม 32,290,161.55 บาท รายจ่ายรวม 29,821,131.72 บาท กำไรสุทธิ 1,970,944.17 บาท

และก็ จากการค้น ผู้ถือหุ้น บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด เสริมเติม พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ รองลงมาคือ นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายชาคริต ปิลันธนากร และก็ มี นางจิราภรณ์ อรุณากูร กับนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 และก็ 5 โดยมีสัดส่วน เสมอกัน ส่วนนางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน มีหุ้นส่วน ต่ำที่สุด

ยิ่งกว่านั้น ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ ยังเป็นที่ตั้งเดียวกับ บริษัท กู๊ดไทม์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากการค้นหาพบว่า ขึ้นทะเบียนตั้งขึ้นช่วงวันที่ 30 มกราคม 2555 ทุนเพื่อการจดทะเบียน 40 ล้านบาท

จุดหมายตอนลงบัญชี ประกอบกิจการ สถานศึกษา กวดวิชา โดยมิได้เป็นการสอนในเวลาปกติ จุดมุ่งหมายที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการสาธารณูปโภค มีนางสาวอรอนงค์ ภู่เจริญ เป็นกรรมการบริษัท

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ตั้ง บริษัทเพิ่ม พบว่า เป็นที่ตั้งของ แผนการทเวนตี้โฟร์เฮ้าส์ (24 House) ปากซอยโยธินพัฒนา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ตรงกันข้ามห้างขายเฟอร์นิเจอร์ชิครีพับลิค

โดยพบว่า เป็นตึก 2 ชั้น ผู้เช่าส่วนใหญ่ เป็นคลีนิคเสริมความสวยงาม

โดยมีร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น อยู่ชั้นล่าง หนึ่งในนั้น คือ คลีนิคเสริมความสวยงาม ที่ชื่อว่า ดิ อิมเมจ เมดิคัล แอสเธติก เซ็นเตอร์ (The Image Medical Aesthetic Centre)

อากงจุน

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามาฯ 900 ล. ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย “เด็กก้าวไกล” จี้ ดีลจนลืม “ปชช.”

อาจจะมองไม่เห็น “Forbes” เป็น “สลิ่ม” หลังเชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้ง ฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐี ใจดีแห่งทวีปเอเชีย นักประวัติศาสตร์ แนะต้องแก้ ม.112 เข้มขึ้น ไม่ใช่ให้เสื่อมลง “เด็กก้าวไกล” สุดทนนักลงคะแนนเสียง มัวแต่ดีลจนกระทั่งลืม ปชช.

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 เดือนธันวาคม 65) เพจเฟซบุ๊ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ CocoNews กล่าวว่า

“Forbes เชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งทวีปเอเชีย

นิตยสาร Forbes ได้ประกาศทำเนียบรายชื่อ ฮีโร่ผู้ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ครั้งที่ 16 โดยได้จัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ใจบุญทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ที่ได้อุทิศสินทรัพย์ส่วนตัวช่วยเหลือการกุศล ทั้งในด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม แล้วก็ ด้านสังคม

โดยในปีนี้ มี 1 ชาวไทยติดอันดับด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น “อากงจุน” นายจุน วนวิทย์ ผู้จัดตั้งบริษัทพัดลม ฮาตาริ นั่นเอง

โดยในปีนี้ รายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกมีทั้งสิ้น 15 คน เช่น Melanie Perkins และก็ Cliff Obrecht ผู้ร่วมก่อตั้งแอปฯ โด่งดังอย่าง Canva ที่เซ็นชื่อในพันธสัญญาว่า จะบริจาคเงินที่ได้จากแอปฯ เพื่อช่วยเหลือองค์กรการบุญต่าง ๆ

รวมทั้งยังมี ฮิโรชิ มิกิตานิ ผู้จัดตั้ง แล้วก็ ซีอีโอ ของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Rakuten ที่บริจาคเงินบริจาคองค์กร ที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นจำนวนมากมายก่ายกอง

ในขณะที่ อากงจุน ก็ได้รับการคัดเลือก จากเรื่องราว เมื่อ เดือนสิงหาคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา หลังครอบครัว วนวิทย์ ได้บริจาคเงินส่วนตัว กว่า 900 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ออกมาขอบคุณมาก และ ยังเผยอีกว่า อากงจุน และก็ ครอบครัว บริจาคเงินสมทบทุน โครงการต่าง ๆ นับจากปี 2551 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นยอดเงินช่วยเหลือ รวมทั้งสิ้น 1,317,397,000 บาท

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 เดือนกรกฎาคม 2565 เว็บสถาบันแนวทางไทย โพสต์ข้อความสำคัญสามนิ้ว วิตกจริต!? ผลักไสไล่ส่ง “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมือง เพียงเนื่องจาก บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดย XXPiYaXX

เรื่องราวบอกว่า สืบเนื่องจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้จัดตั้งฮาตาริ แล้วก็ ครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศ.จ. นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี แผนกแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อม รศ. ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี แล้วก็ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายติดต่อองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลเยอะๆ ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนา กับการให้ทานเงินจำนวนมากมายในครั้งนี้ ซึ่งสามารถรักษา รวมทั้ง ช่วยเหลือผู้คนได้อีกเพียบเลย

แต่ว่าแล้วดูท่า คนดีในสังคมต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีกลุ่มของผู้คนคลุ้มคลั่งการบ้านการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาโจมตี นายจุน และก็ ครอบครัว ว่า เพราะอะไรจำเป็นต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงกับขนาดผลักใส ให้อยู่อีกฝั่ง ในทางการบ้านการเมืองทันที

โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์ เรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วซึ่งมีรายละเอียดว่า

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามา

มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง

– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี ครั้งหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 เพราะเหตุใดจำเป็นต้องผลักมูลนิธินี้เป็นสลิ่ม และก็ พิมพ์อะไรคลุ้มคลั่งอีกยาวยืด

ทำให้มีสามัญชนจำนวนมาก ต่างกำเนิดความรู้สึกว่าไม่พอใจ ที่พยายามผลักผู้ที่ช่วยเหลือสังคม ให้เลือกฝั่งทางด้านการเมือง โดยมีเนื้อหาว่า

“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”

“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”

“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออก ว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม

ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”

“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”

“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”

“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”

ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญ

ขณะเดียวกัน นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm กล่าวว่า

“มาตรา 112 ต้องปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แก้ไขให้เสื่อมทรามลง เพื่อเปิดประตูให้พวกรู้น้อยแต่พูดมากมาแสดงความเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้าย ทุกวันนี้ เราก็เห็นคนพูดมากรู้น้อยเยอะแยะไปหมด หรือพวกมโน ดรามาก็เยอะ”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การบ้านการเมืองไทย ในกะลา แชร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตยานนาวา – บางคอแหลม พรรคก้าวไกล หัวข้อ ใกล้เลือกตั้ง มีแต่ข่าวดีลรัฐบาล ไม่มีเวลาทำงานให้ประชาชน

โดยระบุว่า เมื่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งใกล้มาทุกครั้ง พร้อมด้วยกติกาหาร 100 ที่แน่ชัดแล้ว จึงถึงเทศกาลแห่งการ ดีลรายวัน สวนกับการทำงานให้ประชาชน ที่ไม่จริงจังเวลานี้

ยิ่งบรรดาพรรคเล็กเห็นว่า อาจจะไม่รอด กับการเลือกตั้งรูปแบบนี้ จึงรีบควบรวมกันคึกคัก ส่วนพรรคใหญ่ ก็ช้อปกันสนุก สะท้อนปัญหาคลาสิกชั่วกับชั่วกัลป์ของการเมืองไทย ที่พรรคการเมือง ยังไม่ใช่ผู้แทนของอุดมการณ์ แม้กระนั้นลักษณะของสมการที่แปรเปลี่ยนไปกับการได้มาซึ่งอำนาจ เป็นหลัก หรือ ถ้าส่งผลผลดีลงตัวก็พร้อมไปกับทุกขั้ว โดยไม่สน ว่าก่อนหน้าเคยบอกกับสามัญชนไว้ว่าอย่างไร

ประเด็นนี้ว่าห่วยแตกแล้ว แต่ก็ยังเกิดเรื่องเชิงส่วนประกอบที่ต้องจัดการกับปัญหากันไป แต่ว่าเรื่องสำคัญกว่านั้น คือ ระหว่างการดีลกันวุ่นวายปัจจุบันนี้ ปัญหาของประชากร ก็พลอยไม่ได้รับการแก้ไขไปด้วย คือ ไม่เหลือสมาธิ จะทำงานบ้านงานเมืองกันแล้ว

แม้ใครไม่เชื่อ ขอให้ทดลองไปเปิดทีวีหรือหนังสือพิมพ์ข่วงนี้มอง มีแต่ข่าวสารปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคมเยอะไปหมด ชีวิตประชาชนก็ตรากตรำ หาเลี้ยงชีพยากเหลือเกิน ยาม้าก็เยอะแยะ ฆ่ากันก็แยะ โรคระบาดก็กลับมา แต่ว่าไม่มีใครคิดตั้งใจ

ขนาดพื้นที่โดนน้ำหลากหนัก บ้านจมเป็นเดือน ๆ บางหลังก็ยังได้ทดแทนแค่หลักร้อย ดีหน่อยก็หลักพัน ดำเนินงานกันเสมือนไม่มีรัฐบาล ในนาทีนี้

ฉะนั้น ก่อนพ่อแม่พี่น้องจะทนทุกข์ทรมานกันมากไปกว่านี้ ยังไงผมก็ขอฝากถึงรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าพรรค ทุกพรรค รวมทั้ง หัวหน้ามุ้งต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดนี้สักหน่อยว่า จะดีลอะไรกันก็ทำไป แม้กระนั้นอย่าลืมตนเองว่าเป็นรัฐบาลอยู่ ยังมีบทบาทบริหารประเทศ ยังไงก็สละเวลามาดำเนินงานกันบ้างครับผม https://www.facebook.com/101372342567471/posts/180684211302950/

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ กรณี “Forbes” ชมเชย “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย ที่สะท้อนให้มองเห็น “ความดี” ไม่มี “ขั้ว” ทางด้านการเมือง และไม่มีฝ่าย ถ้าแต่มีจิตใจเป็นบุญกุศล และ เห็นแก่สังคมส่วนรวมมากยิ่งกว่าส่วนตัว

ข้อเท็จจริง ไม่เพียงแต่ “มหาเศรษฐี” ทั้งหลายควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่างน้อยก็คืนกำไรให้สังคมบ้าง ที่โกยไปแล้วเยอะมากมหาศาล

ถ้าหากแต่ว่า “ติ่ง” ด้านการเมือง ก็สมควรให้ “เครดิต” มากกว่า นำมาแบ่งฝัก แบ่งข้าง ด้านการเมือง เนื่องจากไม่เช่นนั้น สังคมจะยิ่งอยู่ยาก รวมทั้ง ทางแคบลงไป จนแทบสร้างกำแพงกั้นเลยทีเดียว หรือไม่จริง!?

1 บิ๊กตู่

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนไหวกันคึกคัก ทั้งการออกแผนการใหม่ เพื่อหาคะแนนนิยม แล้วก็ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้ผู้ที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แล้วก็ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยยิ่งไปกว่านั้น อำนาจสำหรับในการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มร้อย

ทำให้ปัจจุบันนี้ หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง แล้วก็ ดูการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อใด ด้วยเหตุว่าการยุบสภา ย่อมส่งผลทางด้านการเมือง กับทุกพรรค แล้วก็ ทุกกรุ๊ปการเมืองเป็นลูกโซ่ ช่วงเวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือ ปลดปล่อยยาวจนถึงครบกำหนด มันก็ล้วนมีนัยยะทางด้านการเมืองทั้งสิ้น

ถ้าเกิดแยกจุดโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่นอนว่าทุกคนก็พอคาดคะเนกันได้อยู่แล้วว่า เขาอยากได้ไปต่อ อีกสองปี ตามกฎหมายที่เปิดทางเอาไว้ให้ รวมถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วก็ ยุบสภาเมื่อใด

ล่าสุด เมื่อเที่ยงวันที่ 12 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนออกเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ อาณาจักรเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความเกี่ยวพัน อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2565

2 บิ๊กตู่

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกฯได้ทักทายสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

แล้วต่อจากนั้นให้สัมภาษณ์หลังผู้รายงานข่าวถาม มีความเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองอะไร ไหม ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการปฏิบัติงานไปตามระบบ นายกฯ ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน ด้วยเหตุว่า ระดับแผนการ นายกฯได้ออกคำสั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ปฏิบัติงานไป ความสำเร็จก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีผลที่เกิดขึ้นจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ลดน้อยลง นายกฯกล่าวว่า ไม่รู้เรื่องโพล ใครทำก็ไม่รู้เรื่อง ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน ไม่เป็นผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง ผู้รายงานข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะส่งผลกระทบในการตัดสินใจ ไหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี

เมื่อถามคำถามว่า กลับมาจากต่างแดนคราวนี้ จะแสดงท่าทีทางด้านการเมืองที่แจ่มชัด ได้ไหม นายกฯ กล่าวว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ทำให้ถูกตีความหมายได้ว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน – สหภาพยุโรป หลังวันที่ 15 ธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความแจ่มชัดออกมา หรือไม่ แล้วก็ เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือไม่

ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดจำกันได้ ก่อนหน้าที่ผ่านมา เขาเคยตอบคำถามว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งตามความจริงในตอนนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตทางด้านการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความแจ่มชัดมาแล้วหลังจากนั้นก็คือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะว่าเชื่อว่าคือเรื่องของ “มารยาท” ด้วยเหตุว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้น ทำให้การประกาศท่วงท่าทางด้านการเมืองใหม่ จึงต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

3 บิ๊กตู่

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อนไหว มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างครื้นครึก มันก็แปลงเป็น ตัวกระตุ้นให้เขาต้องร่นเวลาเปิดตัว สร้างความแจ่มชัดทางด้านการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่น แล้วก็ การตัดสินใจของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ กรุ๊ปการเมือง ได้ตัดสินใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่ต้องตัดสินใจด้วย เพราะว่า ถ้าเกิดเคลื่อนไหวช้า หรือยังเงียบถัดไป อาจมีผลต่อการเตรียมการของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้มองเห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็ควรมีความแจ่มชัด

ก่อนหน้าที่ผ่านมา ถ้าหากสำรวจบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ กรุ๊ปการเมือง ที่ประกาศแจ่มชัดว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ จำนวนหนึ่ง

มีรายนามแล้ว 3 – 4 คน กรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร กรุ๊ปภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังเชื่อว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความแจ่มชัดแล้ว คงจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายคนตามมาอีก

ถึงแม้หลายคนคิดว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนใหญ่จะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต่างจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการหักคะแนนกันเองก็ตาม

แต่ ช่วงเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทไม่ได้ก็คือ “กระแส” ที่การเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างเหนียวแน่น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ สำคัญ ๆจะเป็นแบบงี้ ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกรุ๊ปใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว เชื่อว่ายังไม่ได้เติบโต ที่จะทำให้มีการเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกรุ๊ปไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้

ที่พินิจตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล แล้วก็ “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสแทรกขึ้นมา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ด้วยเหตุว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยยิ่งไปกว่านั้นภาคอีสานที่เป็นจุดตัดสิน แต่นั่น เป็นด้วยเหตุว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างเต็มตัว

ฉะนั้นเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธันวาคม แล้ว เชื่อว่าต้องแจ่มชัด ด้วยเหตุว่าฝ่ายตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก แล้วก็ ขยับไปไกลแล้ว อาจจะรอคอยไม่ได้แล้ว

แล้วก็ เมื่อต้องประกาศท่วงท่า มันก็ต้องวางแผน “ยุบสภา” เพื่อเปิดทางให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งถ้าเกิดเป็นแบบงี้ มันก็คงจะลงคะแนนกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ดังที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้าที่ผ่านมา !!

1 ช้ำในตาย

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

ลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปลักขโมยของบ้านคนอื่น เจ้าของบ้าน สามารถคุ้มครองปกป้องสินทรัพย์ได้

(6 เดือนธันวาคม65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปลักขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และ ตบตีจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อขณะราว 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 พ.ย. 2565

นายคำดี เป็นพ่อม่าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระต๊อบทุ่งนาของตนเอง ตนสารภาพว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปลักขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง และ ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และ ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาข้างนอกบ้าน แม้กระนั้น เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง กระทั่งนายคำดีนิ่งแน่ไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และ ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ และ คุมตัวนายคำดี ไปที่ โรงพักภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อกล่าวหาทะเลาะวิวาท และ จับนายคำดีติดคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเทียบปรับ 500 บาท และ ปล่อยตัวในวันที่ 16 พ.ย.

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกมาจากบ้าน เพราะว่าร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก และ รับประทานข้าวปลาอาหารมิได้ คลื่นไส้เป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แม้กระนั้นพี่น้องไม่รู้ เพราะว่า นายคำดี มิได้ออกจากบ้าน จนถึง วันที่ 23 พ.ย. มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี พี่น้องก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ราว 3 – 4 วัน

ต่อจากนั้นก็กลับไปอยู่ที่บ้านวันที่ 27 พ.ย. เพราะว่า นายคำดี ปฎิเสธการรักษา ไม่อยากให้แพทย์ ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งในเวลานั้นหมอมิได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา จนถึงเสียชีวิต ช่วงวันที่ 1 ธ.ค. และ ทำการการเผาศพวันที่ 2 ธ.ค.

หลังจาก นายคำดี เข้าไปลักขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) กระทั่งบาดเจ็บอย่างหนัก และ ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน เป็นเวลานานกว่า 2 อาทิตย์ ไม่สามารถเดิน หรือ ทานอาหารได้ หลังต่อจากนั้นก็เสียชีวิต

แม้กระนั้นพอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยอ้างว่า นายคำดี เข้าไปลักขโมยของที่บ้านของคนอื่น ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถคุ้มครองปกป้องสินทรัพย์ของตนได้

และ มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด เวลาที่ นายคำดี ไปลักขโมยกัญชาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เพราะว่า นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็เกิดลักษณะการเจ็บเจ็บไข้กระทั่งเสียชีวิต

ก่อนหน้าที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่ความแล้ว แม้กระนั้นตกลงกันมิได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อที่จะแจ้งเหตุฟ้อง กับคนทำร้ายร่างกาย นายคำดี ตำรวจก็พูดข่มขู่ฝ่ายของตนเอง กระทั่งกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความหวาดกลัว และ ไม่กล้าที่จะแจ้งเหตุ

3 ช้ำในตาย

จากเหตุการณ์ เจ้าของบ้าน ซ้อมคนลักขโมยกัญชากระทั่ง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายกระทั่งเจ็บ คู่ปรับ ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อที่จะมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยอมมา จนถึง นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่ปรับยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าหากอยากได้เงินก็ไปฟ้องคดีเอา เพราะว่าจะฟ้องคดีกลับ ที่มาลักขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แม้กระนั้นตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

เพราะเหตุว่าไปลักขโมยในยามวิกาล ซึ่งในเวลานั้น ตัวเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แม้กระนั้นก็สารภาพว่าคนตายไปลักขโมยจริง และ ไม่มีหนทางช่วยเหลือ รู้สึกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนตายทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังรับรองว่าฝ่ายตนผิด ซึ่งตนรู้สึกว่า เพราะเหตุใดฆ่าคนตายทั้งคน กลับปราศจากความผิด เพราะเหตุใดตำรวจไม่ให้ความช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความยุติธรรม กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี กล่าวมาว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ พึ่งได้รับฟังฝ่ายเดียว แม้กระนั้นจากข้อมูลที่ได้รับฟังเชื่อว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่ความได้ คือ ฆ่าคนอื่นโดยไม่เจตนา หรือ ทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่เสียชีวิต

จะสั่งให้พนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวน สภ.วังสามหมอ รีบดำเนินงานไต่สวน สักขีพยาน ทั้งสองฝ่าย

และ หากพี่น้องคนตายเชื่อว่า มีสักขีพยานอื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ นอกเหนือจากนี้ผลวิเคราะห์การตายของแพทย์ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจำเป็นต้องไปสอบปากคำคำให้การ จากแพทย์ที่ทำงานรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจำเป็นต้องรับแจ้งเหตุแน่นอน และ ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันบนศาล

1 อุ๊งอิ๊ง

“อุ๊งอิ๊ง-SC Asset” งานเข้า! เป็นเจ้าของหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” “อั้ม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ล้าหลัง

“เพจดัง” เปิดโปง อดีตกาลบิ๊กสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หนุนออกสัญชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” พบหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” มีโครงการของ SC Asset – “อุ๊งอิ๊ง” หุ้นใหญ่ด้วย “อัม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ” ร่วมกิจกรรมฝั่งขวา เยอรมนี

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ TOP HIGHLIGHT พร้อมข้อความกล่าวว่า “#แอดปอง รายงาน”

โดยรายละเอียดรายงาน กล่าวว่า ตำรวจค้นรังหมู่บ้านหรูโครงข่าย “ตู้ห่าว” ยึดเงินสด รถหรู แหล่งหลบซ่อนมาเฟียทุนจีนโยงอสังหาฯคนตระกูลชินฯ ถึงว่าเพราะอะไร “พท” ปิดปากเงียบ รัฐบาลล้างบางทุนจีนสีเทา เพราะว่ามีสมัยก่อนบิ๊กนายพลสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” สนับสนุนออกสัญชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เปิดทางสะดวกเข้ามาทำธุรกิจสีเทา ก็เลยเงียบเป็นเป่าสากไม่โจมตีรัฐบาล กลัวจะเข้าเนื้อตัวเอง

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ ภาพกราฟิกเชื่อมโยงความผิดปกติ พร้อมข้อความกล่าวว่า

“พอทุนจีนเริ่มสนุกขึ้น แต่สื่อกลับเงียบปาก
ฝาก Thai PBS สื่อน้ำดี ขยี้หน่อยครับ”

นอกนั้น ได้แชร์เว็บ สถาบันแนวทางไทย – Thai Move Institute กล่าวว่า

“ข้อเท็จจริง หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ทุนจีนสีเทาเหมาซื้อ พบ “อุ๊งอิ๊ง” มีหุ้นใหญ่

ไทยรัฐรายงาน ตำรวจไปบุกค้นบ้านทุนจีนสีเทาใน หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท รวมทั้ง หมู่บ้านอื่น ข่าวกำหนดมีการซื้อเหมาเกือบยกโครงการ 50 หลัง จาก 66 หลัง

หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท เจ้าของโครงการ คือ SC Asset

2 อุ๊งอิ๊ง

รายนามผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1 คือ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

ทั้งนี้ ตอนวันที่ 29 พ.ย. 2565 ตำรวจสนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ตำรวจท่องเที่ยว รวมทั้ง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปิดล้อมตรวจค้น 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้ง จ.สมุทรปราการ เพื่อหาหลักฐานตรวจยึด ของผิดกฎหมายของ กลุ่มทุนจีนสีเทา

ตำรวจกระจายกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายโครงข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา 10 หลัง ในโครงการบ้านหรู 4 แห่ง มี บ้านหรู 4 หลัง ในหมู่บ้านหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ตรอก แบริ่ง – ลาซาล ตำบลสำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรู หลังละกว่า 50 ล้านบาท บ้านหลังที่ 5 รวมทั้ง 6 ในหมู่บ้านทรูแกรนด์ โมนาโก ตรอกกาญจนาภิเษก 50 ตำบลดอกไม้ เขตประเวศ กทม. บ้านหลังที่ 7 ม.บุราสิริ วัชรพล ถนน เขตสุขาภิบาล 5 ตำบลออเงิน เขตสายไหม กทม. บ้านหลังที่ 8 , 9 รวมทั้ง 10 ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า ถนน ราชพฤกษ์ ตำบล บางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม. สามารถยึดรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด 5 คัน ตู้นิรภัย 4 ตู้ ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีนจำนวนไม่น้อย ยาสูบจีน รวมทั้ง ไวน์หนีภาษีปริมาณหนึ่ง ยาสูบไฟฟ้า อุปกรณ์เล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจน กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง ก็เลยยึดไว้ตรวจสอบ

3 อุ๊งอิ๊ง

การเข้าตรวจค้นบ้านหรู ในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อุ๊งอิ๊ง

ซึ่งจากกรรมวิธีการสืบสาว ทราบว่า มีกลุ่มทุนจีน ใช้หมู่บ้านดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เป็นที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ได้กระทำการตรวจยึด รถยนต์อัลพาร์ท ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีน จำนวนไม่น้อย ยาสูบจีน รวมทั้ง ไวน์หนีภาษีปริมาณหนึ่ง ตู้นิรภัย 3 ตู้ ยาสูบไฟฟ้า อุปกรณ์เล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจนกระเป๋า เสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ ตรวจยึดเพื่อสำรวจ นอกนั้น ยังได้ไปตรวจค้นห้องเช่า ข้างในคอนโดฯหรู บริเวณเจริญนคร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท พื้นฐานยึดเงินสด โฉนดที่ดิน เครื่องเพชรพลอยรถยนต์ ปอร์เช่ รุ่น 911 รถเบนซ์ รุ่น G calss 2 คัน รวมทั้ง รถโตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ไว้กระทำการสำรวจ

มีรายงานว่า กรรมวิธีการสืบสาว พบว่า หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แต่ละหลัง มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านขึ้นไป โดยมีคนจีนที่เข้ามากว้านซื้อ เพื่อการันตีกลุ่มของผู้คนจีน ร่วมกันที่เดินทางมาในประเทศไทย โดยจะมีแม่บ้าน รอดูแลทำความสะอาด ความเรียบร้อยภายในบ้านพักให้ อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพบว่า จะมีกลุ่มของผู้คนจีนที่เป็นนักเที่ยว มีความเชี่อมโยงกับผับจินหลิง แวะเวียนมาเล่นไพ่ พบปะ ที่บ้านหรู ข้างในโครงการ ดังที่กล่าวถึงมาแล้วด้วย

ตอนหลัง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เข้ามอบตัวกับตำรวจ ทำให้คนจีนกลุ่มดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ได้ขนข้าวของภายในบ้าน รวมทั้ง นำรถยนต์หรูไปซุกซ่อนตามจุดต่าง ๆ ก่อนตำรวจ จะเข้ามาตรวจค้น เหลือเพียงแค่คนที่ยังไม่เคยทราบข่าว การเคลื่อนไหวของนาย ตู้ห่าว หรือบ้านคนจีนบางหลัง ก็เหลือไว้เพียงแค่คนรับใช้ รวมทั้ง แม่บ้านชาวไทยแค่นั้น ในส่วนหลักฐานทั้งหมดทั้งปวง จากการตรวจค้น 11 จุด ชุดสืบสาวตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานทางคดี รวมทั้ง จะให้ผู้ครอบครอง มาแสดงตนพร้อมกับแจกแจง การได้มาซึ่งเงินที่ต้องสงสัย

4 อุ๊งอิ๊ง

รายงานข่าวกล่าวว่า การตรวจค้นทั้ง 11 จุด ในครั้งนี้

เป็นการขยายผล จากการตรวจค้นจากยุทธการ ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน ที่ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ได้ตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่อยู่อาศัย รวมทั้ง ใช้ในการทำความผิดกลุ่มบุคคลทุนจีนสีเทา รวมทั้ง กระบวนการกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 จุด เมื่อต้นเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมา

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งหนีภัย อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแคปรูปทวิตเตอร์ ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า

“ความทุเรศของนักการเมืองไทยที่สังกัดอยู่กับพรรค กับกลุ่มที่ชอบอ้างว่าตัวเองก้าวหน้า ก้าวไกล แต่กลับทำตัวล้าหลังไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาอนุรักษนิยมของเยอรมนี

CSU นอกจากจะเป็นพรรคที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแล้ว พรรคนี้ยังเป็นพรรคที่เอาศาสนา (คริสต์) มายุ่งกับการเมือง ซึ่งตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของรัฐโลก วิสัยที่ต้องการแยกศาสนาออกจากการเมือง

นี้นะหรอตัวแทนนักการเมืองไทย ที่มาจากฝั่งที่ทำตัวเป็นก้าวหน้า ชอบออกตัวว่า มีหลักการกว่าพรรคอื่น แต่ที่แท้ก็แค่พรรคการเมืองฝ่ายขวา ทำมาพูดว่าจะสร้างรัฐสวัสดิการ ไม่เอาทุนผูกขาด แต่ไม่แตะระบบทุนนิยมทั้งโครงสร้าง แบบนี้เขาเรียกว่า #ปลอม ค่ะ !”

แน่ๆ, หลักสำคัญที่น่าดึงดูด อยู่ที่ “กลุ่มทุนจีน” ซึ่งเกี่ยวพัน “ธุรกิจสีเทา” รวมทั้ง ใช้ “นอมินี (ตัวแทน)” ซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ที่มีนักการเมือง “ดัง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ยิ่งกว่านั้น “ตู้ห่าว” ผู้ต้องหา คนสำคัญของ “ทุนจีนสีเทา” ยังได้ สัญชาติไทย ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้การขยายผลตรวจค้น ของตำรวจ ได้รับความพึงพอใจอย่างมาก แล้วก็สื่อที่วางตัวเป็นกลาง ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ดี การที่ “ทุนจีน” ซึ่งบางทีอาจเกี่ยวพันธุรกิจสีเทา ไปซื้อหมู่บ้านโครงการใหญ่ ของ นักการเมืองดัง บางทีอาจมิได้เกี่ยวข้องกันก็เป็นได้?

แต่ว่าในทางการเมือง เมื่อกระแสข่าว ออกมาในทำนองนี้ ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า “งานเข้า” นักการเมืองดังแน่ ยิ่งในช่วงหาเสียงอยู่ด้วย

1 โควิดสายพันธุ์ย่อย

โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อง่าย-แพร่ได้มากขึ้น

“นายแพทย์ธีระ” เผย โควิดสายพันธุ์ย่อย ใหม่ดื้อรั้นต่อภูมิต้านทานทั้งจากวัคซีน เป็นโอกาสที่จะมีการติดเชื้อได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นหรือแพร่กันได้มากยิ่งขึ้น

รองศาสตราจารย์นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า 29 พฤศจิกายน 2565… เมื่อวานนี้ทั่วทั้งโลกติดเพิ่ม 174,759 คน ตายเพิ่ม 778 คน รวมแล้วติดไป 646,366,341 คน เสียชีวิตรวม 6,637,358 คน

5 อันดับแรก ที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ บราซิล ไต้หวัน รวมทั้งประเทศฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้ปริมาณติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปรวมทั้งเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก รวมทั้ง 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

ปริมาณติดเชื้อใหม่ในทุก ๆ วันของทั่วทั้งโลกขณะนี้ มาจากทวีปเอเชีย รวมทั้ง ยุโรป รวมกันคิดเป็นปริมาณร้อยละ 76.25 ของทั่วโลก ในช่วงเวลาที่ปริมาณการเสียชีวิตคิดเป็นปริมาณร้อยละ 74.93

2โควิดสายพันธุ์ย่อย

…ลักษณะ โควิดสายพันธุ์ย่อย ในออสเตรเลีย

Esterman A. ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ระบาดในออสเตรเลียขณะนี้ พบว่าเป็นไปในลักษณะหลากหลายสายพันธุ์แบบ variant soup

โดยมีทั้ง BA.5 39%, BA.2.75 26%, BQ.1 19%, XBB 4% รวมทั้งอื่น ๆ

ลักษณะดังที่กล่าวมาแล้ว เป็นที่คาดคะเนกันว่าประเทศอื่น ๆ ก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ โดยมีสายพันธุ์ย่อยใหม่ ที่น่ากังวลได้แก่ BQ.1.x, XBB, BA.2.75.x ที่อาจมีสัดส่วนสูงแตกต่างกันไปในแต่ละทวีป รวมทั้งจะมาเทคโอเว่อร์ BA.5 ในเวลาไม่นาน ดังนี้ BQ.1.x จะครองสัดส่วนนำ ในอเมริกา รวมทั้ง ยุโรป ส่วน BA.2.75.x รวมทั้ง XBB จะเด่นในแถบเอเชีย

การระบาดในไทยเรามีลัษณะทิศทางจะเป็นไปในแนวทางข้างต้น

…ตีระฆังเตือนรับรองประเด็นการดื้อรั้นต่อภูมิต้านทาน

คณะทำงานของ David Ho จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย อเมริกา ได้เผยแพร่ผลจากงานวิจัยใน bioRxiv เมื่อวานนี้ 28 พฤศจิกายน 2565

แสดงให้เห็นว่า สายพันธุ์ย่อยใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BQ.1.x รวมทั้ง XBB นั้นดื้อรั้นต่อภูมิต้านทานทั้งยังจากวัคซีน รวมทั้งการที่เคยติดเชื้อมาก่อน มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้อย่างมาก

หากแม้ข้อมูลทางคลินิกในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานรับรองว่าจะก่อให้เจ็บป่วยร้ายแรงมากยิ่งขึ้นกว่าสายพันธุ์ที่เคยระบาดเดิม

แต่ว่าความสามารถการดื้อรั้นต่อภูมิต้านทานที่มากขึ้นนั้น ย่อมส่งผลทำให้เป็นโอกาสที่จะมีการติดเชื้อได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น หรือ แพร่กันได้มากยิ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว

อย่างนี้เอง ที่เป็นตัวตอกย้ำให้มองเห็น ถึงจุดสำคัญของการป้องกันตัว ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งประเด็นการใส่หน้ากาก เลี่ยงความประพฤติเสี่ยง เลี่ยงสถานที่แออัดคับแคบระบายอากาศไม่ดี รักษาความสะอาด รวมทั้ง เว้นระยะห่าง จากผู้อื่น

3 โควิดสายพันธุ์ย่อย

Personal protective behaviors เป็นเกราะคุ้มครองที่สำคัญที่สุด

…ทางเดินประวัติศาสตร์การแพร่ ของแต่ละสายพันธุ์

โควิด-19 แพร่ระบาดมาหลายปี โดยมีสายพันธุ์ที่หลากหลาย

ถ้าเกิดเปรียบเทียบกันตัวต่อตัว จะพบว่า ในระยะเวลา 100 วันแรกของการระบาด สายพันธุ์ Omicron นั้นแพร่ไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วทั้งโลกได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ที่ระบาดมาก่อน ถึง 5 เท่า

แต่ละระลอกก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ตั้งแต่สายพันธุ์เริ่มแรก (Wuhan: Wild type), เบต้า, แกมม่า, อัลฟ่า, เดลต้า, และ Omicron นั้น ก็มีลักษณะของ ทวีปที่มีการระบาดหนัก ก่อนกระจายไปยังทวีปอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป

…สำหรับระลอกอนาคตนั้น ลักษณะการระบาดน่าจะมีลัษณะทิศทางแตกต่างไปจากอดีตกาล เพราะมีปัจจัยประเด็นการเดินทางระหว่างประเทศเกิดขึ้นมาก การระบาดจะเป็นลักษณะหลากหลายสายพันธุ์ ผันแปรกับการนำเข้า ส่งออก รวมทั้งความสามารถของไวรัสแต่ละสายพันธุ์ ความประพฤติการป้องกันตัว รวมทั้ง การใช้ชีวิตของประชากร ประเภท รวมทั้งความครอบคลุมของวัคซีนที่ใช้ และก็อื่น ๆ

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งในด้านปริมาณการได้รับเชื้อ การป่วย การเสียชีวิต รวมทั้ง Long COVID นั้น ก็เลยเป็นโอกาสสูง ที่จะผันแปรกับแนวนโยบายควบคุมป้องกันโรค รวมทั้ง ความพร้อม “จริง” ของระบบสาธารณสุขของประเทศนั้น ทั้งเรื่องยาที่ได้มาตรฐาน วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ บริการดูแลต่าง ๆ ว่าพลเมืองในประเทศ จะเข้าถึง รวมทั้ง พึ่งพาอาศัยได้ไหม ยามที่เกิดปัญหา

ผลสรุปที่ประสงค์ของทุกสังคม คือ ยามวิกฤติ พลเมืองสามารถพึ่งพาอาศัย รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลดูแลอย่างทันเวลา มีประสิทธิภาพ โดยตลอด

ไม่ต้องเผชิญกับภาวะห่อเหี่ยว คอย จนจำต้องดิ้นรนตีกระปุกขวนขวายหาทางรอด กันเอาเองแบบ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ

…เหตุการณ์ปัจจุบันนั้น จำเป็นต้องดำรงชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาทสำหรับการดำรงชีพ

ปกป้องอย่างสม่ำเสมอ ทั้งช่วงดำเนินการ เรียน หรือท่องเที่ยว

ฉีดยาเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนด

4 โควิดสายพันธุ์ย่อย

ใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดการเสี่ยงลงไปได้มาก

ยิ่งไปกว่านี้ ยังคงเจออาการของการสูญเสียการได้กลิ่น รวมทั้งการรู้รส เจออาการเปลี่ยนไปจากปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร กรุ๊ปอาการของระบบทางเดินหายใจ หายใจถี่ หายใจติดขัด รวมทั้งกรุ๊ปอาการนอกระบบ ที่ไปคล้ายคลึงกันกับสายพันธุ์เดลตาได้ด้วยเหมือนกัน

สำหรับผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง หรือมีลักษณะอาการเสี่ยงติดเชื้อ เสนอแนะให้ตรวจ ATK ด้วยตัวเอง โดยควรเลือก ATK ที่ได้รับมาตรฐาน รวมทั้ง มีค่าความไว (Sensitivity) รวมทั้ง ค่าความจำเพาะ (Specificity) ไม่น้อยกว่า 90%

อ้างอิง

1. Wang Q et al. Alarming antibody evasion properties of rising SARS-CoV-2 BQ and XBB subvariants. bioRxiv. 28 November 2022.

2. Tegally H et al. Global Expansion of SARS-CoV-2 Variants of Concern: Dispersal Patterns and Influence of Air Travel. medRxiv. 27 November 2022.

ข้อมูลที่ได้มาจาก รองศาสตราจารย์นพ.ธีระ วรธนารัตน์

1 จิ้งจก 2 หัว

ฮือฮา เจอ “จิ้งจก 2 หัว” มี 4 ตา 4 ขา 1 หาง แถมทะเบียนรถหวยออก 3 งวดติด

ผู้ครอบครองอู่ซ่อมรถ อำเภอบ้านโป่ง เจอ “จิ้งจก 2 หัว” มี 4 ตา 4 ขา 1 หาง ลำตัวเดียวกัน เชื่อมาให้โชคลาภ แถมเลขทะเบียนรถยนต์ ยังเป็นเลขที่ลอตเตอรี่ออกต่อเนื่องกันมาถึง 3 งวดติดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งว่า ที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เจอจิ้งจก 2 หัว ซึ่งไม่เคยมองเห็นมาก่อน จึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ที่บ้านหลังนี้ ได้มีการเปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ บ้านเลขที่ 122/1 ม.4 ต.พิธีเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จ.จังหวัดราชบุรี

เมื่อคณะทำงานข่าวสารของไปถึง จึงได้เจอกับ นางปัทมา จันทร์ชา อายุ 52 ปี และก็ นายเสกสันต์ เกตุนรินทร์ อายุ 56 ปี สามีภรรยา ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าไปด้านในภาย ก่อนจะนำจิ้งจกตัวเล็ก ที่เลี้ยงเอาไว้ในกะละมัง ภายหลังที่บุตรสาวของตนเองได้เผชิญจิ้งจกตัวนี้ เดินมาไต่ที่ขา ขณะนอนเล่นอยู่บนเตียง

และก็ พบว่าจิ้งจกตัวดังที่กล่าวถึงมาแล้ว มีความแปลกประหลาดเพราะว่าเป็นจิ้งจกที่ มี 2 หัว 4 ตา 4 ขา 1 หาง ลำตัวเดียวกัน ผิวหนังสีเทา – ขาวลายขวางรอบๆขาอีกทั้ง 4 ข้าง และก็ หาง

และก็ ยังมีชีวิต ถูกใจกินน้ำแดง และก็ เม็ดข้าวสวย และก็ มีความเชื่อง จับเล่น อีกทั้งจูบอีกทั้งหอมได้ ซึ่งทางเจ้าของบ้าน ได้มีความคิดว่า มาให้โชคลาภ เพราะเหตุว่าเลขทะเบียนรถยนต์ เลขลำดับ 4160 ของบ้านตัวเองนั้น ให้โชคลาภถูกหวยต่อเนื่องกัน มาจนถึง 3 งวดติดแล้ว

2 จิ้งจก

คุณปัทมา เล่าว่า ปกติแล้ว ตัวเองเชื่อในเรื่องสายมูเตลูอยู่แล้ว

และก็ ที่บ้านของตนเองก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามความศรัทธาในหลายๆความศรัทธา อาทิเช่น แม่นางกวัก กุมารเทพ ปลัดขิก หรือ จะเป็น เกลื่อนกลาดแมว ซากลูกกรอกแมว ต่อเงิน ต่อทอง ผู้ใดกันแน่ว่าอะไรดีเรื่องการค้าขาย โชคลาภ ตนก็มักจะแปลงมาบูชา และก็ ก็ได้ตามที่ขอมาโดยตลอด

ส่วน จิ้งจก 2 หัว ตัวที่เจอด้านในภายนี้ ตนก็ไม่คิด ว่าจะมาเกิดที่บ้านของตัวเอง เพราะว่ามองเห็นแต่ว่าในข่าวสาร เจอจิ้งจก 2 หาง หรือ 2 หัว ในหลายๆจังหวัด และก็ มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับโชคลาภต่างๆเพียงพอมาพบที่บ้านตัวเองก็รู้สึกสนเท่ห์ใจ

ด้าน น้องพลอย วัย 21 ปี บุตรสาวคนเล็ก ซึ่งเป็นคนที่เจอ บอกว่า เมื่อช่วงเวลาโดยประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 20 พฤศจิกายน ก่อนหน้าที่ผ่านมา เวลาที่ตนกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงไม้ ที่ใกล้กับประตูปากทางเข้าของตัวบ้าน ขณะนอนเล่นอยู่รู้สึกมีตัวอะไรไต่ที่ขา

จึงหันไปดู จนถึงพบจิ้งจกตัวเล็ก มีความแปลกประหลาด คือ มี 2 หัว จึงเรียกแม่ให้มาดู และก็ ยังสามารถจับได้ไม่หนี มีความเชื่อง ยังเอานิ้วรูปที่ศีรษะอีกทั้ง 2 ได้ จึงได้เก็บไว้เลี้ยงดู และก็ ให้รับประทาน ข้าวสวย ปลวก น้ำเปล่า และก็ น้ำแดง

คุณปัทมา กล่าวเหตุว่า ตนมิได้เป็นคนโง่งม แต่ว่ามีความเชื่อ ถ้าหากไม่พบกับตนเอง เพราะว่าเป็นคนชอบทำบุญ ตั้งอกตั้งใจอยู่ในความดีความชอบ ถูกใจช่วยเหลือผู้ลำบาก และก็ ด้อยโอกาสหากแม้ครั้งคราวจะไม่มีใครมองเห็น แต่ว่าตนเชื่อว่าชะตากรรมมองเห็น โดยยิ่งไปกว่านั้นตนทำมาค้าขาย ก็จะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และก็ ตามความศรัทธา มักจะสำเร็จในทุกๆเรื่อง

3 จิ้งจก 2 หัว

ส่วน จิ้งจก 2 หัว ตัวนี้ ตนมีความมุ่งมั่นที่จะเก็บไว้ตราบนานเท่านานที่เขาจะอยู่กับตนได้

และก็ ไม่คิดจะขายหากแม้มีผู้พอใจมาขอซื้อก็ตาม ที่ผ่านมา ผู้ที่ทราบข่าวสารก็มาขอดูบ้าง ขอบูชาบ้าง และก็มีการขอเด็ดจากจิ้งจกบ้าง ซึ่งตนก็บอกไปว่าสุดแต่บุญ และก็ โชควาสนาของแต่ละคน แต่ว่าราษฎรก็เชื่อกัน เพราะว่าเลขทะเบียนรถยนต์ ที่จอดเอาไว้ในบ้าน เลขลำดับ 4160 โดยมีราษฎรต่างนำไปตีเลขเด็ดซื้อรางวัล ถูกติดๆกันมา 3 งวดแล้ว อีกทั้งงวดที่ออกเลข 106 และก็ 64

สำหรับในงวดนี้ ตนก็มีเลขเด็ดที่คิดไว้แล้วเช่นเดียวกัน คือ 12 21 ซึ่งตรงกับเลขที่บ้าน 122/1 และก็ ยังตรงกับอายุ 21 ปี ของบุตรสาวคนเล็กที่พบจิ้งจกตัวดังที่กล่าวถึงมาแล้วด้วย แต่ว่าก็ยังคงไม่ทิ้งเลขทะเบียนรถยนต์ 4160 เพราะว่า พบจิ้งจก 2 หัว 4 ตา 4 ขา 1 หาง พบเวลา 16.00 น. นางปัทมา กล่าวทิ้งท้าย

เวลาที่ นายเสกสันต์ เกตุนรินทร์ ผัวของคุณปัทมา เล่าว่า ตนไม่เคยห้ามภรรยา ที่มีความเชื่อในเรื่องของสายมู เพราะว่าตนมีความคิดว่ามิได้เสียหายอะไร มิได้โง่งม แต่ว่าตนก็พบมาพร้อมกับตัวเอง เพราะเหตุว่าตน ดำรงชีพอู่ซ่อมรถยนต์ ซึ่งทำอาชีพนี้มากมายว่า 26 ปี แล้ว

ตอนที่ตนไม่ค่อยที่จะมีงาน หรือ งานน้อย ก็เลยมักจะมาของานกับทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งลูกกรอกแมว ต่อเงิน ต่อทอง หรือ ต่อให้กุมารเทพ และก็ ก็จะมีงานทำตลอด สำเร็จมาโดยตลอด

เมื่อใดก็ตามมาขอ ก็จะมีของมาถวาย หรือ ไปทำบุญทำกุศลตามสถานที่ต่างๆแทน อีกทั้งใดๆที่ภรรยาทำแล้วเขามีความสุข เราก็มีความสุขตามเขาไปกับด้วยเช่นเดียวกัน ครอบครัวของเราจึงอบอุ่นมาจนถึงทุกวันนี้